xs
xsm
sm
md
lg

สื่ออังกฤษสงสัย “กองทัพไทย” อาจช่วยปิดบังข้อมูล MH370 - กัปตันเครื่องบินเกี่ยวพันเป็นญาติ “อันวาร์ อิบรอฮิม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้เชี่ยวชาญการบิน เดวิด เลียร์เมาท์  (David Learmount) (ขวาล่าง)
เอเจนซีส์/ASTVManager - เมลออนไลน์ สื่ออังกฤษตั้งคำถาม ว่ากองทัพไทยอาจมีส่วนช่วยปิดบังข้อมูลการหายไปของเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส หรือไม่ หลังจากที่เหตุเกิดผ่านไปแล้วถึง 10 วัน แต่กองทัพอากาศไทยเพิ่งปริปากว่า เรดาร์กองทัพจับสัญญาณเครื่องบินเกิดเหตุพบบินไปช่องแคบมะละกา ในขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านมาเลย์ อันวาร์ อิบรอฮิม จำต้องยอมรับว่า กัปตันเครื่องบินเกี่ยวพันเป็น “ญาติกับลูกเขย” และพบกันแล้วหลายครั้ง

เมลออนไลน์ สื่ออังกฤษ ตั้งประเด็นสงสัยว่า กองทัพไทยอาจจะอยู่ในกระบวนการช่วยจัดฉากในการปกปิดครั้งมโหฬารถึงการหายไปของเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เพราะไม่ต้องการเปิดเผยถึง “รูรั่วการป้องกันทางอากาศของประเทศ” ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินชี้

โดย MH370 นั้นได้หายไปในเช้าวันอาทิตย์ (9) เวลา 1.30 น.แต่กระนั้นกองทัพอากาศมาเลย์ต้องรอจนถึงวันอังคาร (11) จึงเปิดเผยว่า เรดาร์ของกองทัพตรวจพบที่ช่องแคบมะละกาในเวลา 2.15 น.

และในล่าสุดนี้ กองทัพอากาศไทยกลับเพิ่งมาเปิดเผยว่า เรดาร์ของกองทัพสามารถตรวจจับเครื่องบินที่สูญหายได้ในเวลา 1.28 น. 8 นาที หลังจากการสื่อสารของMH370 ถูกปิดลง และเครื่องบินที่สูญหายได้มุ่งหน้าสู่ช่องแคบมะละกา แต่ที่ทางกองทัพไม่ยอมที่จะเปิดเผยข้อมูลเพราะไม่ได้รับการร้องขออย่างเจาะจง ในขณะที่นายกรัฐมนตรีของไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์ CNN ในคืนวันจันทร์ (10) โดยอ้างว่าได้สั่งให้ตำรวจไทยประสานงานกับอินเตอร์โพลเรื่องพาสปอร์ตปลอม และกองทัพไทยช่วยติดตามเครื่องบินที่หายไป โดยยิ่งลักษณ์ในขณะนั้นได้ยืนยันกับทาง CNNว่า “กองทัพอากาศไทยยังไม่พบร่องรอยใดๆ ของเครื่องบินที่หายไป”

การเปิดเผยถึงร่องรอยเครื่องบินเที่ยว MH370 นี้มีขึ้น 1 วันหลังมีการตรวจพบว่า กัปตันเที่ยวบินสูญหายนั้นเป็นญาติกับ อันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย ทั้งนี้ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะ สตาร์ ของมาเลเซีย ซึ่งก็เช่นเดียวกับสื่อกระแสหลักอื่นๆ ในแดนเสือเหลือง คือเป็นฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล แล้วจากนั้นสื่ออื่นๆ เช่น หนังสือพิมพ์สเตรทสไทม์ ของสิงคโปร์ ได้อ้างอิงนำไปรายงานต่อ ก่อนหน้านี้ ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซียที่ถูกตัดสินจำคุกข้อหา 5 ปี ฐานรักร่วมเพศ ผู้นี้ ได้ปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักกัปตัน ซาฮารี อะหมัด ชาห์ แต่ในที่สุดเมื่อวาน (18) อันวาร์ อิบรอฮิม ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า ชาห์นั้นเป็น “ญาติกับลูกเขย” และยอมรับว่าได้พบกับชาห์หลายครั้งแล้ว

อันวาร์ อิบรอฮิม ยังเปิดเผยว่า ชาห์เป็นเพื่อนสนิทของ อาร์. ซิวาราซา (R. Sivarasa) ส.ส.ของมาเลเซียจากเขตซูบาง

ก่อนหน้านี้ อันวาร์ อิบรอฮิม บอกว่าไม่ได้ติดต่อด้วยเป็นการส่วนตัวกับกัปตันผู้นี้ แต่ชาห์เป็นหนึ่งในคนที่ติดตามผู้นำฝ่ายค้านมาเลย์ผ่านทางทวิตเตอร์ของเขา และยังกล่าวว่า ในชั้นแรกไม่สามารถจำชื่อของชาห์ได้ แต่เมื่อดูภาพถ่ายจึงจำได้ว่า ได้พบกันหลายครั้งที่การประชุมพรรคPKR  ของเขา

ทางด้านเจ้าหน้าที่มาเลเซียนั้น ได้แถลงก่อนหน้านี้ว่า ทำการตรวจสอบประวัติภูมิหลังอย่างละเอียดของทั้งผู้โดยสาร และลูกเรือบนเครื่องบินลำที่สูญหายแล้ว ไม่พบร่องรอยที่น่าสงสัยว่า มีใครมีแรงจูงใจทางการเมือง หรือการก่ออาชญากรรมเพื่อต้องการจี้เครื่องบิน หรือทำให้เครื่องบินโดยสารตกแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันมีรายงานเปิดเผยว่า แฟนสาวของนักบินผู้ช่วย ฟาริก อับดุล ฮามิด เที่ยวบิน MH370 ได้เข้าพักที่โรงแรมพร้อมกับครอบครัวของอับดุล ฮามิด เพื่อรอฟังข่าวความคืบหน้าของเครื่องบินที่หายไป ซึ่งอับดุล ฮามิด วัย 27 ปี มีแผนที่จะแต่งงานกับแฟนสาวกัปตัน นาดิรา รามลิ วัย 26 ปี ที่เป็นนักบินของสายการบินแอร์เอเชีย

ด้านผู้เชี่ยวชาญการบิน เดวิด เลียร์เมาท์ (David Learmount) ได้เขียนลงบล็อกของเขาวิจารณ์ว่า “บางที่กองทัพอากาศประเทศในแถบนี้ เช่น มาเลเซีย ไม่ได้เก่งเหมือนกับที่ควรจะเป็น และบางทีพวกเขาก็ไม่อยากให้โลกรับรู้ความลับนี้”


เลียร์เมาท์ เป็นอดีตนักบิน และปัจจุบันเป็นบรรณาธิการด้านปฏิบัติการและความปลอดภัยของสื่อการบินระดับโลก Flightglobal ได้ชีว่า บางที่ MH370 อาจจะบินผ่านไปหลายประเทศในเอเชีย รวมถึง ไทย พม่า จีน บังกลาเทศ อินเดีย ปากีสถาน เติร์กเมนิสถาน และอัฟกานิสถาน

ซึ่งเลียร์เมาท์ได้ให้ความเห็นว่า การที่กองทัพอากาศของชาติเอเชียไม่เปิดเผยข้อมูลออกมา เพราะกลัวว่าจะต้องเปิดเผยรูรั่วการป้องกันภัยทางอากาศ และหากต้องเปิดเผยออกมาว่ามีเครื่องบินแปลกปลอมสามารถบินผ่านเหนือดินแดนของประเทศตนโดยที่จับสัญญาณไม่ได้ และไม่สามารถป้องกันได้นั้นจะนำความอับอายครั้งใหญ่มาสู่ประเทศนั้น

และเลียร์เมาท์ยังให้ความเห็นต่อจากการให้ข่าวของเจ้าหน้าที่มาเลย์ โดยเขาชี้ว่า “เป็นที่แน่ชัดว่ากองทัพมาเลย์ได้อนุญาตให้เครื่องบินแปลกปลอมบินผ่านเหนือมาเลเซียโดยไม่มีความพยายามที่จะค้นหา เพื่อระบุรายละเอียดของเครื่องบินลำต้องสงสัยนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพมาเลย์ไม่รู้สึกยินดีที่ต้องยอมรับในข้อนี้”

“ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับว่าเครื่องบิน MH370 จะมุ่งหน้าไปทางทิศใด หากมุ่งขึ้นเหนือ คงต้องผ่านไทย พม่า จีน บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เนปาล อัฟกานิสถาน และเติร์กเมนิสถาน และหากไปทางนี้จริง เรดาร์หลักของกองทัพของประเทศที่กล่าวมานี้ประเทศใดประเทศหนึ่งจะต้องสามารถตรวจจับเครื่องบิน MH370 ได้ และจะส่งให้เครื่องบินรบไปประกบเครื่องบิน MH370 นี้หรือไม่ยังเป็นคำถาม ซึ่งบางทีกองทัพอากาศของประเทศเหล่านี้ไม่ได้มีความสามารถเหมือนกับที่ควรจะเป็น และที่สำคัญไม่ต้องการให้โลกรับรู้ในข้อนี้” เลียร์เมาท์ให้ความเห็น

ในขณะที่ล่าสุดจากมัลดีฟส์ ชาวเกาะคูดา ฮาวาดฮู ในดาลู อตอลล์ ที่อยู่ห่างไกล อ้างว่าพบเห็นเครื่องบินจัมโบสีขาวที่มีแถบสีแดงเหมือนสัญลักษณ์ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส บินอยู่ในระดับต่ำ และถ้าหากเป็นจริง ก็หมายความว่า MH370 นั้นบินไปทางตะวันตกไกลออกไปถึง 2,000 ไมล์

ด้านกองทัพอากาศไทย พล.อ.ท.มณฑล สัฌชุกร โฆษกกองทัพอากาศ ได้กล่าวว่า เรดาร์ของกองทัพที่อยู่ทางใต้สามารถตรวจจับ MH370 ได้ในเวลา 2.14 น. 8 นาทีหลังจากเครื่องทรานสปอนเดอร์หยุดการสื่อสาร โดย พล.อ.ท.มณฑล กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้หันกลับมุ่งหน้าสู่บัตเตอร์เวอร์ธ ของมาเลเซีย ที่ตั้งอยู่ตรงช่องแคบมะละกา ซึ่งสัญญาณเรดาร์ที่พบนั้นห่าง และไม่แสดงถึงข้อมูลใดๆ เช่น หมายเลขเที่ยวบิน

และ พล.อ.ท.มณฑล ยังย้ำว่า ไม่ทราบว่าเมื่อไรแน่ที่เครื่องเรดาร์ของไทยสามารถจับสัญญาณ MH370 ได้ครั้งท้ายสุด ในขณะที่กองทัพอากาศมาเลย์ได้เปิดเผยว่า เรดาร์กองทัพตรวจพบเครื่องบินสูญหายได้เมื่อเวลา 2.14 น.มุ่งหน้าสู่ช่องแคบมะละกา และเมื่อพล.อ.ท.มณฑลถูกถามว่า เหตุใดกองทัพไทยจึงใช้เวลานานในการเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ พล.อ.ท.มณฑล กล่าวตอบว่า “เพราะทางเราไม่ให้ความสนใจต่อสิ่งนี้” และเขาเสริมต่อไปว่า “ทางกองทัพอากาศเฝ้าระวังระวังแต่เพียงภัยคุกคามประเทศเท่านั้น ดังนั้นหากเป็นสิ่งที่ดูจะไม่เป็นภัยคุกคาม ทางกองทัพทำเพียงแต่เฝ้าสังเกตต่อไป” โดย พล.อ.ท.มณฑล ยืนยันว่า MH370 ยังไม่ได้บินล่วงล้ำเข้าน่าฟ้าไทย และคำร้องขอจากทางการมาเลย์ในชั้นแรกของการสืบหานั้นไม่ได้บอกเจาะจง และหลังจากที่ได้รับการร้องขอต่อมาจาก นาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียแล้ว ทางกองทัพจึงต้องกลับมาหาข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้ใช้เวลาหลายวันเพียงแต่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการยืนยัน และในวันอังคาร (18) ทางกองทัพอากาศไทยได้โต้เจ้าหน้าที่มาเลย์ที่กล่าวว่า เครื่องบินเที่ยว MH 370 นั้นอาจจะบินผ่านไปทางเหนือของไทย ซึ่งทางตัวแทนกองทัพอากาศไทยได้ยืนยันว่าเรดาร์ทางเหนือของประเทศไม่ตรวจพบ MH370 แต่อย่างใด

และจากทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า กองทัพไทยพลาดในการเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่อาจเป็นการชี้ชะตาของเครื่องบินที่สูญหายที่มีผู้โดยสารจำนวน 239 คนอยู่บนเครื่อง ซึ่งถึงแม้ว่าข้อมูลที่ไทยมีอยู่อาจจะไม่ต่างมากนักจากที่มาเลเซียรับทราบ แต่อย่างหนึ่งที่พบจากเหตุการณ์เครื่องบิบสูญหายคือ “ปัญหาการแชร์ข้อมูลทางทหารระหว่างกองทัพของประเทศ” ที่แม้จะเป็นเพียงแค่ชื่อของเครื่องบินที่สูญหายอย่างกะทันหันก็ตาม


กำลังโหลดความคิดเห็น