เอเอฟพี - เครื่องชี้ตำแหน่งกล่องดำของกองทัพเรือสหรัฐฯได้เข้าร่วมทีมการค้นหากล่องดำของเครื่องบินเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สในวันนี้(4) ที่แบตเตอร์รีกล่องดำของMH370 ยังคงมีพลังงานเหลือเพียงแค่ไม่เกิน 2 วัน ในขณะที่ ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม เชื่อมั่นว่า รัฐบาลมาเลเซียของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ต้องปิดบังบางอย่างไว้
ในขณะที่การค้นหาMH370 ยังคงดำเนินต่อไป ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ได้กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า รัฐบาลมาเลเซียต้องปิดบังข้อมูลบางอย่างของการสูญหายเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส “รัฐบาลมาเลย์รู้มากกว่าพวกเรา” อันวาร์กล่าว
“โอเชียนชีลด์” เรือรบของออสเตรเลียได้เดินทางมาถึงพร้อมกับเครื่องบอกพิกัดกล่องดำหรือ “a towed pinger locator” ที่สามารถจับสัญญาณที่ส่งออกมาจากกล่องดำของเครื่องบินที่สูญหายได้ ในขณะที่เครื่องบิน 14 ลำบินไปทั่วบริเวณที่ห่างไกลของมหาสมุทรอินเดียเพื่อค้นหาจุดตกของMH370
โดยเครื่องบินเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สได้สูญหายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียได้รีบนำเครื่องระบุพิกัดกล่องดำไปยังบริเวณที่คาดว่าอาจจะพบก่อนที่พลังงานแบ็ตเตอร์รีของกล่องดำจะหมด และไม่สามารถส่งสัญญาณเพื่อให้รับรู้ถึงตำแหน่งได้
“กล่องดำจะส่งสัญญาณบอกตำแหน่งเพียงแค่ 1 เดือนก่อนที่จะดับไป ดังนั้นทีมค้นหาจึงมีเวลาเหลือน้อยเต็มที” แองกัส ฮูสตัน หัวหน้า ศูนย์ประสานร่วมระหว่างหน่วยงานของออสเตรเลีย (JACC) ที่มี8 ชาติเข้าร่วมกล่าว
ด้านผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย อันวาร์ ยังกล่าวต่อไปว่า เขารู้สึกว่าพูดอะไรไม่ออกที่กองทัพมาเลเซียล้มเหลวในการจัดการวิกฤตครั้งนี้ถึงแม้ว่าทางกองทัพจะสามารถจับสัญญาณ MH370 ได้บินข้ามน่านฟ้าของประเทศออกไปตามเส้นทางการบินที่อ้อมอย่างเป็นปริศนา
“เป็นที่น่าเสียดายว่าพฤติกรรมตอบสนองต่อวิกฤตเครื่องบินสูญหายช่วงไม่กี่วันแรกนั้นน่าสงสัย” อันวาร์กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษ หนังสือพิมพ์เทเลกราฟท์
“มีความจริงประการหนึ่งที่ยังคงอยู่คือ เป็นที่แน่ชัดว่าข้อมูลสำคัญที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจในเหตุการณ์นี้นั้นถูกปิดบังไว้ ผมเชื่อว่ารัฐบาลมาเลย์รู้มากกว่าที่พวกเรารู้” อันวาร์กล่าวโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม
ในขณะที่เจ้าหน้าที่มาเลเซียได้กล่าวว่า พวกเขายังไม่มีรู้ว่า MH370 นั้นบินออกนอกเส้นทางไปได้อย่างไร แต่เชื่อจากข้อมูลดาวเทียมที่บ่งชี้ว่า MH370 ได้ตกลงในมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย และที่ผ่านมายังไม่มีพบเศษชิ้นส่วนจากการขยายขอบเขตการค้นหา ซึ่งการประเมินถึงจุดตกเครื่องบินนั้นจะช่วยทำให้การค้นหากล่องดำนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งฮูสตันได้เปิดเผยต่อว่า เรือรบโอเชียนชีลด์ที่ได้ติดตั้งเครื่องบอกพิกัดกล่องดำเริ่มการค้นหาใต้ผิวน้ำ พร้อมกับเเรือลาดตระเวน HMS Echo ของกองทัพอังกฤษ ที่ตั้งแต่เมื่อวานนี้(3)เรือลำนี้ได้ออกท่องสแกนหาสัญญาณกล่องดำ MH370 ทั่วบริเวณ
“กองทัพเรืออสเตรเลียและกองทัพเรืออังกฤษในวันนี้ร่วมกันค้นหาใต้น้ำเพื่อตามหาสัญญาณจากกล่องดำMH370 โดยใช้เครื่องบอกพิกัดกล่องดำ” ฮูสตันกล่าว
นอกจากนี้เรือรบโอเชียนชีลด์ยังใช้โดรนใต้น้ำเพื่อค้นหาตามพื้นผิวก้นมหาสมุทร เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียกล่าว และฮุสตันยังย้ำว่า ทั้งเรือและเครื่องบินจะยังคงค้นหาเศษชิ้นส่วนที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรอินเดียต่อไป
อย่างไรก็ตามถึงแม้รัฐบาลมาเลเซียจะได้ชื่อว่าขาดความโปร่งใส แต่ ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย กล่าวโต้ในสัปดาห์นี้ว่า “มาเลเซียไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง” แต่อันวาร์ที่ได้เคยอนุมัติการจัดซื้อระบบเรดาร์ของกองทัพมาเลเซียในสมัยที่เขายังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการคลังในปี 1994 ได้กล่าวว่า ระบบเรดาร์ที่มีประสิทธิภาพสูงของกองทัพมาเลเซียควรจะเตือนกองทัพให้รับมือได้อย่างทันท่วงที”
ซึ่งกองทัพมาเลเซียได้เปิดเผยว่า หลังจากที่ MH370 หายไปได้ไม่นาน ระบบเรดาร์ของกองทัพสามารถจับสัญญาณวัตถุลึกลับเคลื่อนตัวไปทางมหาสมุทรอินเดียได้ แต่ทางกองทัพมาเลเซียเลือกที่จะไม่ทำอะไรเพราะสิ่งนั้นไม่ปรากฏเป็นภัยคุกคามต่อประเทศ และการตัดสินใจในครั้งนั้นของกองทัพมาเลเซียถูกวิพากษ์ในวงกว้างถึงการทำให้เสียเวลาที่มีค่าในการตามหา MH370 และรัฐบาลมาเลเซียยังต้องใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์เพื่อยืนยันสัญญาณเรดาร์ว่าเป็นเครื่องบินที่สูญหาย MH370 และได้ดำเนินการตามหาครั้งใหญ่ไปในทิศทางที่ห่างจากจุดพิกัดเดิมที่ได้คาดไว้ในตอนต้นในบริเวณทะเลจีนใต้
ทั้งนี้อันวาร์กล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียควรรับมือวิกกฤตให้รวดเร็วกว่านี้เพื่อประหยัดเวลาของประเทศอื่นในการช่วยตามหาในจุดที่ประเทศเหล่านั้นรู้ดีว่ายากที่จะพบเครื่องบิน
แต่โฆษกรัฐบาลมาเลเซียได้ตอบโต้ผู้นำฝ่ายค้านมาเลย์ว่า ถนัดในการขุดคุ้ยหาเรื่องเพื่อวิพากษ์รัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งแทนที่จะใช้โอกาสทำคะแนนทางการเมืองโดยการกล่าววิจารณ์ถึงการรับมือในเหตุการณ์เครื่องบินสูญหาย อันวาร์น่าจะใช้โอกาสนี้สนับสนุนรัฐบาลมาเลเซีย เหมือนอย่างที่รัฐบาลของราซัคกำลังร่วมมือกับชาติต่างๆในภาระกิจค้นหา MH370
และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย คาลิด อาบู บาการ์ ได้เปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า ผู้โดยสารทั้งหมด 227 คน รวมถึงลูกเรืออีก 12 คน ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในการจี้เครื่องบิน ก่อวินาศกรรม หรือมีปัญหาส่วนตัว หรือปัญหาทางจิตที่อาจเชื่อมโยงกับการหายไปของ MH370 และได้ กล่าวยอมรับว่า บางทีตำรวจมาเลเซียอาจไม่มีวันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนเครื่องบินลำนี้