เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซียออกมาให้คำมั่นในวันนี้ (3 เม.ย.) ว่า “เราจะไม่หยุดพัก” จนกว่าจะทราบชะตากรรมของเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ขณะที่ออสเตรเลียถึงกับออกปากว่า “เป็นการค้นหาที่ยากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติ”
นาจิบเดินทางเยือนฐานทัพในเมืองเพิร์ทของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นจุดควบคุมสั่งการภารกิจค้นหาเครื่องบินโดยสาร ที่อันตรธานหายไปพร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิต โดยคาดการณ์กันว่า อากาศยานลำนี้อาจจมหายไปในมหาสมุทรอินเดีย และผู้นำมาเลเซียให้คำมั่นว่าจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะพบคำตอบ
“เราต้องการคำตอบ เราต้องการบรรเทาความทุกข์ให้ครอบครัวของผู้โดยสารที่หายไป และเราจะไม่หยุดพักจนกว่าจะพบคำตอบที่แท้จริง” เขาเน้นย้ำในระหว่างกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมปฏิบัติการค้นหา ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่าง 8 ชาติ
แม้ว่าจะทีมค้นหาจะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด ในอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลของมหาสมุทรอินเดีย บริเวณนอกชายฝั่งเมืองเพิร์ท ทว่าก็ยังไม่พบซากเครื่องบินที่สามารถชี้จุดที่เกิดเหตุแม้แต่ชิ้นเดียว
นาจิบยอมรับว่า การตามหาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ที่หายสาบสูญไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคมลำนี้เป็น “งานช้าง” แต่เขายืนยันว่ายังมั่นใจว่าปริศนาที่ชวนสับสนนี้จะต้องได้รับความกระจ่าง
เขากล่าวว่า “ด้วยการดำเนินงานระดับมืออาชีพเช่นนี้ ผมมั่นใจ ... ว่าเราจะเข้าใกล้ความจริงในโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในอีกไม่ช้า”
กัวลาลัมเปอร์กำลังถูกโจมตีหนักในเรื่องวิธีรับมือกับสถานการณ์จากหลายฝ่าย โดยเฉพาะจากบรรดาญาติผู้โดยสารชาวจีนทั้ง 153 คนที่สูญหายไปพร้อมกับเครื่องบินลำนี้ซึ่งกำลังสับสนและสิ้นหวัง
ในทางกลับกัน ออสเตรเลียกำลังได้รับคำชื่นชม หลังระดมกำลังพลเข้าช่วยเหลือในภารกิจค้นหาครั้งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลาที่ญาติพี่น้องผู้สูญเสียกำลังรู้สึกขุ่นเคืองใจ คอลิด อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซียกล่าววานนี้ (2) ว่าจนบัดนี้การสืบสวนสาเหตุที่ทำให้อากาศยานลำนี้บินออกนอกเส้นทางเดิม ขณะมุ่งหน้าออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด
ถึงแม้ออสเตรเลียมีประสบการณ์ด้านการปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิตมากกว่ามาเลเซีย เนื่องจากประเทศนี้ต้องคอยตรวจตราเฝ้าระวังพื้นที่ขนาดใหญ่ในมหาสมุทรขนาดเป็นประจำ แต่นายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตต์ บอกว่าปฏิบัติการค้นหาคราวนี้เป็นครั้งที่ยากลำบากที่สุดเท่าที่เคยเผชิญมา
เขากล่าวว่า “ทุกวันนี้เราต้องทำภารกิจโดยอาศัยข้อมูลเพียงน้อยนิด ต้องปะติดปะต่อข้อมูลเข้าด้วยกันเหมือนต่อจิ๊กซอว์ แต่เรามั่นใจมากขึ้นทุกวันว่า เราเริ่มรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินเคราะห์ร้ายลำนี้มากขึ้น”
“การค้นหาครั้งนี้เป็นภารกิจที่ยากมาก ยากที่สุดในประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติก็ว่าได้ แต่ตราบใดที่ออสเตรเลียยังร่วมมือ เราจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีเพื่อการค้นหาครั้งนี้”
นับตั้งแต่เครื่องบินหายไปเกือบ 1 เดือน ประเทศ 8 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยดำเนินภารกิจร่วมกันมาก่อน ได้มารวมตัวกันค้นหาเบาะแสของหนึ่งในปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การบิน
ทั้ง นาจิบ และแอ็บบอตต์ ได้ยกย่องความร่วมมือที่ “ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง” ของ ออสเตรเลีย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ
“การได้เห็นกองทัพของหลายประเทศร่วมกันทำงานเพื่อส่วนรวม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเรา” แอ็บบอตต์กล่าว
เมื่อวานนี้ (2) อังกฤษได้ส่งเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งมีความสามารถในการค้นหาใต้น้ำเข้าไปสนับสนุนกองเครื่องบินและเรือที่กำลังตรวจสอบพื้นที่ขนาด 237,000 ตารางกิโลเมตรของท้องทะเลอันไกลโพ้น แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ทีมค้นหายังไม่พบร่องรอยของเที่ยวบิน MH370
ศูนย์ประสานร่วมระหว่างหน่วยงานของออสเตรเลีย (เจเอซีซี) ระบุว่า ในวันนี้ (3) เครื่องบิน 8 ลำ และเรือ 9 ลำ จะเข้าร่วมภารกิจค้นหาในน่านน้ำซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ทไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 1,680 กิโลเมตร
เรือรบ “โอเชียน ชีลด์” ของกองทัพเรือออสเตรเลีย ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ค้นตำแหน่ง “กล่องดำ” จากสหรัฐฯ มีกำหนดจะเดินทางมาถึงพื้นที่ค้นหาในวันพรุ่งนี้ (4) แต่อาจต้องรับมือกับภารกิจอันหนักหนาสาหัส ทั้งยังจำเป็นต้องมีการจำกัดวงค้นหาให้แคบลง เพื่อให้มีโอกาสพบหลักฐานเกี่ยวกับเครื่องบินเคราะห์ร้ายลำนี้มากขึ้น