รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรง ระหว่างการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเวเนซุเอลาได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 29 รายแล้ว หลังจากล่าสุดพบเจ้าหน้าที่กองกำลังความมั่นคงนายหนึ่งถูกยิงเข้าที่ศีรษะเสียชีวิต กลายเป็นเหยื่อรายล่าสุดของเหตุรุนแรงที่ดำเนินมานานกว่า 6 สัปดาห์
พลเอกวลาดิมีร์ ปาดริโน โลเปซ ผู้บัญชาการกองทัพเวเนซุเอลา ออกมาแถลงในวันจันทร์ (17) โดยยืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่นายหนึ่งซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อของกองกำลังความมั่นคงถูกยิงเข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ (16) ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ใกล้กับแนวเครื่องกีดขวางของกลุ่มผู้ประท้วงบนถนนสายหนึ่งในเมืองมารากาย ในรัฐอรากัว ทางตอนกลางของประเทศ
โดยผู้บัญชาการกองทัพเวเนซุเอลาระบุว่า เจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงของพวก “ผู้ก่อการร้าย”พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยุติการเผชิญหน้าที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 29 คน และมีผู้ประท้วงถูกจับกุมไปแล้วมากกว่า 1,500 ราย
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ฆิเซเญ รูบิลาร์ สตรีวัย 47 ปี ชาวชิลีซึ่งเดินทางมาศึกษาต่อในระดับสูงที่เมืองเมริดา ทางตะวันตกของเวเนซุเอลาถูกยิงเสียชีวิต ขณะพยายามยกแนวเครื่องกีดขวางของผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ที่นำมาวางไว้บนถนนสายหนึ่งถัดจากบ้านพักของเธอ ส่งผลให้เธอกลายเป็นชาวต่างชาติรายแรกที่เสียชีวิต เพราะเหตุรุนแรงทางการเมืองในเวเนซุเอลา
โดยสื่อในความควบคุมของรัฐบาลรายงานว่า เธอถูกผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลรายหนึ่งซึ่งสวมหน้ากากปกปิดใบหน้ายิงเสียชีวิต เพราะไม่พอใจที่เธอพยายามรื้อเครื่องกีดขวาง
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและผู้สนับสนุนฝ่ายค้าน ได้ปักหลักประท้วงต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร มานานกว่า 6 สัปดาห์แล้ว โดยการประท้วงได้ลุกลามกระจายไปในหลายเมืองทั่วประเทศเพื่อเรียกร้องให้ผู้นำเวเนซุเอลาสละอำนาจ
สาเหตุของการประท้วง สืบเนื่องจากกลุ่มนักศึกษาและประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ ที่รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาอาชญากรรม และปัญหาความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ ถือเป็นความวุ่นวายทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในรอบทศวรรษที่เกิดขึ้นในประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปกแห่งนี้ แม้บรรดานักวิเคราะห์จะระบุว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่การประท้วงในเวเนซุเอลาจะนำไปสู่จุดจบของรัฐบาลมาดูโร เหมือนกับกรณีของยูเครน