เอเอฟพี - เวเนซุเอลาวันนี้ (5 มี.ค.) ร่วมกันรำลึกวาระครบรอบ 1 ปีการจากไปของอดีตประธานาธิบดี อูโก ชาเบซ โดยมีผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาเป็นผู้นำในพิธี ซึ่งอุทิศแด่ “แม่ทัพตลอดกาล” ผู้นี้ ในเวลาที่การปฏิวัติแนวสังคมนิยมที่ชาเบซเคยผลักดันยังเผชิญกับการประท้วงของพรรคฝ่ายค้านที่ดำเนินต่อไป
ภายหลังมีชาวเวเนซุเอลาออกมารวมตัวประท้วงนานหนึ่งเดือน ซึ่งบางครั้งนำไปสู่เหตุนองเลือด ประธานาธิบดี นิโกลัส มาดูโรจะรับหน้าที่ควบคุมดูแลการเดินสวนสนามแสดงพลังของกองทัพเวเนซุเอลา ในพิธีการซึ่งจัดขึ้นที่ค่ายทหารเก่า อันเป็นสถานที่ฝั่งร่างของผู้นำผู้ล่วงลับไปแล้ว
ประธานาธิบดี ดาเนียล ออร์เตกา แห่งนิการากัว และประธานาธิบดี อีโว โมราเลส แห่งโบลิเวีย สองพันธมิตรฝ่ายซ้ายในภูมิภาคละตินอเมริกาของชาเบซ ก็จะเดินทางมาร่วมพิธีรำลึกด้วย
นอกจากนี้ เครือข่ายโทรทัศน์ “เตเลซูร์” ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเวเนซุเอลาจะนำสารคดี “อูโก สหายข้า” ของ โอลิเวอร์ สโตน ผู้สร้างภาพยนตร์อเมริกัน ออกอากาศเป็นครั้งแรกในวันนี้ (5)
มาดูโรระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า “ผมขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนมาร่วมกันแสดงความเคารพในพิธีวันครบรอบหนึ่งปีการจากไปของแม่ทัพตลอดการ ด้วยสันติภาพและความรักใคร่”
อย่างไรก็ถาม บรรดานักศึกษาและพรรคฝ่ายค้านที่ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาล ทั้งยังประกาศแผนการจัดชุมนุมในวันเดียวกับพิธีรำลึกถึงชาเบซให้มากขึ้น ต่างเมินเฉยต่อคำวิงวอนขอความรักของมาดูโร
เมื่อวานนี้ (4) ประชาชนหลายพันคนเดินขบวนประท้วงไปทั่วเมืองอย่างสงบ แต่พอตกกลางคืน ผู้ประท้วงหัวรุนแรงราว 300 คนพากันขว้างปาระเบิดเพลิง ใส่กองกำลังความมั่นคงของเวเนซุเอลา ที่ตอบโต้กลับมาด้วยแก๊สน้ำตา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกค่ำคืนใน “ชากาโอ” ย่านชนชั้นกลางของกรุงการากัส
การประท้วงได้ลุกลามบานปลายออกไป หลังปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่เมืองซันกริสโตบัล ทางภาคตะวันตกของประเทศ พื้นที่ซึ่งนักศึกษาออกมารวมตัวประท้วงปัญหาอาชญากรรมที่ควบคุมไม่อยู่ ภายหลังที่คนร้ายพยายามข่มขืนหญิงสาวคนหนึ่ง
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย ขณะที่มาดูโรกล่าวว่าการชุมนุมระลอกนี้เป็นแผนการโค่นล้มอำนาจของเขา โดยพวกเผด็จการฟาสซิสต์ที่มีสหรัฐฯ หนุนหลัง
การประท้วงเป็นปัญหาอันใหญ่หลวงที่สุด นับตั้งแต่มาดูโรก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้เกือบ 4 ปี แม้ว่าเหล่านักวิเคราะห์จะชี้ว่า รัฐบาลของเขายังแข็งแกร่งพอที่จะยืนหยัดต่อสู้กับการชุมนุม
หลังจากดำรงตำแหน่งผู้นำเวเนซุเอลามาได้ 14 ปี ชาเบซก็ต้องพ่ายแพ้แก่โรคมะเร็งเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปี 2013 ด้วยวัย 58 ปี เหลือทิ้งไว้แต่เพียงประเทศที่แตกแยกอย่างรุนแรง หลังการปฏิวัติแนวสังคมนิยม
ภาพของอดีตผู้นำปรากฏอยู่ตามบิลบอร์ด และกำแพงทั่วกรุงการากัส ขณะที่สถานีโทรทัศน์ของทางการ ออกอากาศสุนทรพจน์ของเขา ในชุมชน 23 มกราคม ซึ่งยังคงเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มผู้สนับสนุนชาเบซ
ทั้งนี้ เขาเป็นผู้แต่งตั้ง มาดูโร อดีตรองประธานาธิบดี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขึ้นมาสืบทอดตำแหน่ง ภายหลังที่มาดูโรสามารถเฉือนเอาชนะ เอ็นริเก กาปรีเลส ผู้นำพรรคฝ่ายค้านในการเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายน ปีที่แล้วไปได้อย่างฉิวเฉียด ขณะที่กาปรีเลสป่าวร้องว่าตนถูกโกงเลือกตั้ง และปฏิเสธไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนั้น
นอกจากตำแหน่งผู้นำแล้ว มาดูโรยังได้รับสืบทอดปัญหาเรื้อรัง ที่สังคมเวเนซุเอลาต้องประสบมาตั้งแต่สมัยชาเบซ ซึ่งก็คืออัตราฆาตกรรมที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สภาวะขาดแคลนอาหารในท้องตลาด และอัตราเงินเฟ้อที่สูงลิ่ว