xs
xsm
sm
md
lg

โพลชี้ “ดาเนียล ออร์เตกา” ผู้นำนิการากัวยังมีคะแนนนิยมสูง แม้เพิ่งแก้ รธน.ให้ตัวเองอยู่ในอำนาจตลอดชีพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดในนิการากัว ที่จัดทำโดยสถาบัน “M&R Consultants” และมีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (19) ระบุว่า ประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา ยังคงมีคะแนนนิยมในระดับที่สูงลิ่ว แม้ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคม ออร์เตกาเพิ่งถูกวิจารณ์หนัก หลังใช้ “เสียงข้างมากลากไป” แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจแบบ “ตลอดชีพ”

ผลสำรวจที่ได้จากการสอบถามความคิดเห็นแบบซึ่งหน้าต่อกลุ่มตัวอย่างที่เป็นประชาชนชาวนิการากัวจำนวน 1,600 คนทั่วประเทศระบุว่า ชาวนิการากัว 65 เปอร์เซ็นต์ยังคงพึงพอใจในผลงานของออร์เตกา โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายด้านสังคมและสาธารณสุข

ผลสำรวจล่าสุดที่พบว่า คะแนนนิยมของผู้นำนิการากัวอยู่ในระดับที่สูงถึง 65 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ชาวนิการากัวพอใจในการทำหน้าที่ผู้นำประเทศของออร์เตกาเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงสิ้นปี 2009 ซึ่งคะแนนนิยมของออร์เตกาในเวลานั้นอยู่ในระดับต่ำเตี้ยติดดินเพียง 25.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดกลับพบเรื่องน่าประหลาดใจว่า มีกลุ่มตัวอย่างชาวนิการากัวราว 7.3 เปอร์เซ็นต์ที่ระบุว่า พวกเขา “ไม่รู้จัก” ดาเนียล ออร์เตกา ว่าเป็นใคร ทั้งที่ออร์เตกาได้โลดแล่นอยู่บนถนนแห่งอำนาจมานานเกือบ 35 ปีแล้ว

ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวที่เผยแพร่ไปทั่วโลกเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมว่า ประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกาแห่งนิการากัว ที่เคยออกหนังสือเดินทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่ถูกกองทัพโค่นอำนาจและหลบหนีคดีทุจริตในต่างแดน ขยับเข้าใกล้การได้ “ครองอำนาจแบบตลอดชีพ” หลังจากที่บรรดาสมาชิกรัฐสภาในสังกัดพรรคแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติ “ซานดินิสตา” ของเขาลงมติด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ให้มีการแก้ไขบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญของประเทศ

โดยรายงานข่าวจากกรุงมานากัว เมืองหลวงของนิการากัว หนึ่งในประเทศที่ได้ชื่อว่ายากจนที่สุด ในภูมิภาคอเมริกากลางระบุว่า ที่ประชุมรัฐสภาของนิการากัวที่มีพรรคซานดินิสตาของออร์เตกาครองเสียงข้างมาก ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 64-26 เสียงเห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดีออร์เตกา วัย 68 ปี สามารถครองอำนาจต่อไปได้แบบ “ตลอดชีพ” หลังจากที่ก้าวขึ้นสู่อำนาจเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1985

สมาชิกรัฐสภาในสังกัดพรรคของออร์เตกาลงคะแนนเสียงท่วมท้น ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศใน 2 ประเด็นหลัก โดยประเด็นแรกคือ การยกเลิกข้อจำกัดในเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี จากแต่เดิมที่กำหนดไว้เพียง 2 สมัย เปลี่ยนเป็นให้ผู้นำนิการากัวสามารถดำรงตำแหน่งได้ตลอดชีวิต หรือจนกว่าที่เจ้าตัวจะไม่ต้องการอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกแล้ว

ส่วนในประเด็นที่สอง คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกเลิก “เพดานคะแนนขั้นต่ำ” ของผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจากที่แต่เดิม รัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ที่จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนิการากัวได้นั้น จะต้องได้รับคะแนนเสียงขั้นต่ำอย่างน้อย 35 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนเสียงทั้งหมด ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญข้อนี้จึงหมายความว่า ในอนาคตหากออร์เตกาลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับคะแนนเสียงไม่ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ เขาก็ยังสามารถกลับมาเป็นประธานาธิบดีได้อีก

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นดังกล่าวในนิการากัว กำลังสร้างความกังวลใจให้กับบรรดาองค์การเคลื่อนไหวทางด้านประชาธิปไตย ที่มองว่ากระบวนการประชาธิปไตยของนิการากัวกำลังประสบภาวะ “ถอยหลังลงคลอง” รวมถึงความกังวลที่ว่าระบบรัฐสภาของประเทศกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการขยายอำนาจของประธานาธิบดีออร์เตกาผ่านสิ่งที่เรียกว่า “เสียงข้างมาก”

ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นปี 2009 รัฐบาลนิการากัวภายใต้การนำของประธานาธิบดีออร์เตกาตัดสินใจมอบหนังสือเดินทางพิเศษแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่ถูกกองทัพโค่นอำนาจและหลบหนีคดีทุจริตในต่างแดน พร้อมแต่งตั้งให้อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็น “ทูตพิเศษ” เพื่อช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามายังนิการากัว




กำลังโหลดความคิดเห็น