เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (28) สภานิติบัญญัติแห่งชาตินิการากัว (National Assembly) ได้ผ่านการเห็นชอบในการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญยกเลิกการจำกัดสมัยการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดี ดาเนียล ออร์เตกาแห่งนิการากัว สามารถลงรับสมัครการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 3 ในปี 2016 และอยู่ในฐานะผู้นำประเทศโดยที่ไม่มีที่สิ้นสุด
การแก้ไขครั้งนี้จะยกเลิกข้อจำกัดสมัยการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีนิการากัวที่สามารถจะดำรงตำแหน่งได้แค่ 2 สมัยซ้อนเท่านั้น และจะทำให้ประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา สามารถดำรงตำแหน่งผู้นำนิการากัวได้ต่อไปตลอดชีพ อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาตินิการากัวจะต้องลงมติในรายละเอียดอีกครั้งในวันนี้ (29)
โดยฝ่ายค้านนิการากัวได้ประนามการแก้ไขครั้งนี้ว่า เป็นศัตรูต่อระบบประชาธิปไตยของประเทศ ในขณะที่พรรครัฐบาลซานดินิสตา (FSLN) ของออร์เตกาได้กล่าวโต้ว่า นิการากัวต้องการผู้นำที่ดำรงตำแหน่งในสมัยที่ยาวนานเพื้อแก้ปัญหาประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
นิการากัวถือเป็นประเทศหนึ่งที่จนที่สุดในแถบอเมริกากลาง สินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศคือกาแฟนั้นต้องประสบปัญหาหนักจากโรคราสนิมที่ระบาดไปทั่วอเมริกากลาง
“การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ใช่ทางออกสำหรับปัญหา “ความยากจน” หรือ “โรคราสนิม” ของนิการากัว แต่จะทำให้ประเทศของเราก้าวไปข้างหน้าได้” เอ็ดวิน คาสโตร ผู้นำพรรคซานดินิสตากล่าวในที่ประชุมสภาเมื่อวานนี้ (28)
มติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของนิการากัวเห็นชอบด้วยเสียง 64 ต่อ 25 ที่มาจาก ส.ส.อิสระ 1 เสียงและ ส.ส.สมาชิกพรรคซานดินิสตาอีก 63 เสียงในการโหวตเห็นชอบ และมีเพียง 3 เสียงที่ขาดการประชุมในการลงมติครั้งนี้
ซึ่งในวันที่ 10 ธันวาคม 2013 เป็นครั้งแรกที่สภานิติบัญญัติแห่งชาตินิการากัวได้ลงมติเห็นชอบแก้ไขในครั้งแรก นอกจากนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ยังได้ยกเลิกกฎเกณฑ์ที่กำหนดให้ผู้ชนะการเลือกตั้งต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 35% ของจำนวนคะแนนในการเลือกตั้งเพื่อเป็นประธานาธิบดีของประเทศ
ทางด้านมาเรีย ยูจีเนีย ผู้นำฝ่ายค้านจากพรรคปีกขวา อินดิเพนเดนต์ ลิเบอรัล กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เพื่อสนองประโยชน์ให้กับออร์เตกาเท่านั้น มันซ้ำรอยประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นของประเทศ
ดาเนียล ออร์เตกา วัย 68 ปี อดีตนักสู้กองโจรฝ่ายซ้ายผู้นำขบวนการมาร์กซิสม์ “ซานดินิสตา” ที่สามารถโค่นล้มผู้นำเผด็จการอนาสตาซิโอ โซโมซาที่ปกครองนิการากัวยาวนานถึง 40 ปีได้สำเร็จ ซึ่งพรรคซานดินิสตาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคิวบานั้นเป็นรัฐบาลมาตั้งแต่ 1979 โดยออร์เตกาที่เป็นผู้นำคณะกรรมการปฏิวัติได้ปกครองนิการากัวมาจนถึงปี 1984 และหลังจากนั้นเขาได้ลงรับสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 1985 จนถึง 1990
ในช่วงระหว่างที่อยู่ในอำนาจ รัฐบาลซานดินิสตาได้ทำการลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจ และปฎิรูปครั้งใหญ่ในด้านสาธารณสุขและการศึกษา อย่างไรก็ตาม รัฐบาลซานดินิสตาต้องหวาดระแวงภัยจากสหรัฐฯภายใต้รัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ที่คอยหนุนหลังช่วยกบฏคอนทราสู้รบกับรัฐบาลนิการากัวในสงครามกลางเมือง และพรรคนี้ต้องสิ้นสุดอำนาจลงหลังจากการแพ้การเลือกตั้งในยุค90 ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดสงครามกลางเมืองนองเลือด
แต่ออร์เตกาก็ยังสามารถหวนกลับมาสู่อำนาจปกครองประเทศได้อีกครั้งเดือนมกราคม 2007 และสามารถทำให้ศาลสูงสุดของนิการากัวอนุญาตให้เขาลงสมัครการเลือกตั้งได้ในปี 2011 และล่าสุดเขาสามารถทำให้สภานิติบัญญัติแห่งชาตินิการากัวแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เขาสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ตลอดชีวิต หรือจนกว่าเขาจะพอใจ
และเมื่อต้นปี 2009 รัฐบาลนิการากัวภายใต้การนำของประธานาธิบดีออร์เตกาตัดสินใจมอบหนังสือเดินทางพิเศษแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่ถูกกองทัพโค่นอำนาจและหลบหนีคดีทุจริตในต่างแดน พร้อมแต่งตั้งให้อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็น “ทูตพิเศษ” เพื่อช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามายังนิการากัว
