เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกาแห่งนิการากัว ที่เคยออกหนังสือเดินทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่ถูกกองทัพโค่นอำนาจและหลบหนีคดีทุจริตในต่างแดน ขยับเข้าใกล้การได้ “ครองอำนาจแบบตลอดชีพ” หลังจากที่บรรดาสมาชิกรัฐสภาในสังกัดพรรคแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติ “ซานดินิสตา” ของเขาลงมติด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นให้มีการแก้ไขบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญของประเทศ
รายงานข่าวล่าสุดจากกรุงมานากัว เมืองหลวงของนิการากัว หนึ่งในประเทศที่ได้ชื่อว่ายากจนที่สุดในภูมิภาคอเมริกากลางระบุว่า ที่ประชุมรัฐสภาของนิการากัวที่มีพรรคซานดินิสตาของออร์เตกาครองเสียงข้างมากได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 64-26 เสียงเห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศเพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดีออร์เตกา วัย 68 ปี สามารถครองอำนาจต่อไปได้แบบ “ตลอดชีพ” หลังจากที่อยู่ในอำนาจแบบผูกขาดมาตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2007
สมาชิกรัฐสภาในสังกัดพรรคของออร์เตกาลงคะแนนเสียงท่วมท้นในวันอังคาร (10) ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศใน 2 ประเด็นหลัก โดยประเด็นแรกคือ การยกเลิกข้อจำกัดในเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีจากแต่เดิมที่กำหนดไว้เพียง 2 สมัย เปลี่ยนเป็นให้ผู้นำนิการากัวสามารถดำรงตำแหน่งได้ตลอดชีวิต หรือจนกว่าที่เจ้าตัวจะไม่ต้องการอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกแล้ว
ส่วนในประเด็นที่สอง คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกเลิก “เพดานคะแนนขั้นต่ำ” ของผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจากที่แต่เดิม รัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ที่จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนิการากัวได้นั้นจะต้องได้รับคะแนนเสียงขั้นต่ำอย่างน้อย35 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนเสียงทั้งหมด ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญข้อนี้จึงหมายความว่า ในอนาคตหากออร์เตกาลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับคะแนนเสียงไม่ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ เขาก็ยังสามารถกลับมาเป็นประธานาธิบดีได้อีก
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นล่าสุดในนิการากัว กำลังสร้างความกังวลใจให้กับบรรดาองค์การเคลื่อนไหวทางด้านประชาธิปไตย ที่มองว่ากระบวนการประชาธิปไตยของนิการากัวกำลังประสบภาวะ “ถอยหลังลงคลอง” รวมถึงความกังวลที่ว่าระบบรัฐสภาของประเทศกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการขยายอำนาจของประธานาธิบดีออร์เตกาผ่านสิ่งที่เรียกว่า “เสียงข้างมาก”
รายงานข่าวระบุว่า สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านจำนวนมากได้ทำการ “วอล์กเอาต์” ออกจากที่ประชุม ก่อนการลงมติในวันอังคาร (10) แต่ก็ไม่อาจขัดขวางการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศได้ เนื่องจากสมาชิกพรรคซานดินิสตาของออร์เตกาเป็นฝ่าย “กุมเสียงข้างมาก” ในสภาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ทั้งนี้ หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งสองประเด็นเสร็จสิ้นลง รัฐสภาของนิการากัวก็จะต้องลงมติให้การรับรองอีกครั้งในปีหน้าเพื่อให้ ร่างแก้ไขดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ในทางกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นปี 2009 รัฐบาลนิการากัวภายใต้การนำของประธานาธิบดีออร์เตกาตัดสินใจมอบหนังสือเดินทางพิเศษแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่ถูกกองทัพโค่นอำนาจและหลบหนีคดีทุจริตในต่างแดน พร้อมแต่งตั้งให้อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็น “ทูตพิเศษ” เพื่อช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามายังนิการากัว