เอเอฟพี - เจเนอรัล มอเตอร์ส แถลงเรียกคืนรถยนต์ครั้งใหญ่หนสองในรอบ 2 เดือนเมื่อวันจันทร์(17) ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่ของสหรัฐฯแห่งนี้กำลังตะเกียกตะเกียกจำกัดวงเรื่องอื้อฉาวที่ชักลุกลามขึ้นเรื่อยๆในเรื่องความปลอดภัยของรถยนต์ของบริษัท
การเรียกคืนรถยนต์อีกราว 1.8 ล้านคนหนนี้มีขึ้นพร้อมกับผลการตรวจสอบของผู้ควบคุมกฏของสหรัฐฯ ในประเด็นที่ว่าทำไมผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของอเมริกาแห่งนี้ถึงใช้เวลานานนักกว่าที่จะออกมายอมรับว่าข้อบกพร่องต่างๆเหล่านั้นเป็นต้นตอของอุบัติเหตุมากมายที่นำมาซึ่งการสุญเสียชีวิต
เวลานี้ จีเอ็ม ตกอยู่ในแก่นกลางการสืบสวนต่างๆนานาของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สืบเนื่องจากปฏิกิริยาตอบสนองที่ล่าช้าต่อรายงานที่เกี่ยวข้องกับสวิทช์สตาร์ทเครื่องยนต์มีปัญหาอาจทำให้เครื่องยนต์ดับกะทันหันและถุงลมนิรภัยหยุดการทำงานในรถยนต์ เชฟโรเล็ต โคบอลท์ ปี 2005-2007 และแซทเทิร์น ไอออน ปี 2003-2007 จนนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ 31 ครั้งและมีผู้เสียชีวิต 12 ราย
ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2004 ก่อคำถามว่าทำไมบริษัทผู้ผลิตรายนี้ต้องรอจนกระทั่งเดือนที่แล้ว ถึงเพิ่งจะเรียกคืนรถยนต์ในอเมริกาเหนือ 2 ช่วง รวมแล้วกว่า 1.62 ล้านคันเมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งที่ได้รับคำร้องเรียนว่าสวิทช์กุญแจจะปิดเองขณะที่รถกำลังแล่นอยู่ ซึ่งการปิดสวิทช์กุญแจนี้เท่ากับปิดระบบไฟฟ้าของรถยนต์ซึ่งทำให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ขณะที่การเรียกคืนอีกนับล้านคันเมื่อวันจันทร์(17) ครอบคลุมข้อบกพร่องอื่นๆ 3 อย่างที่ต่างกัน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาการจุดระเบิดของเครื่องยนต์
กรณีความบกพร่องของสวิทช์กุญแจ เป็นผลให้สำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอชทีเอสเอ) สั่งปรับเงินจีเอ็ม เป็นจำนวน35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1,120 บาท)
แมรี บาร์รา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหญิงของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ระบุในถ้อยแถลงว่า "คำแถลงเรียกคืนในวันนี้ ย้ำให้เห็นว่าเราใส่ใจต่อประเด็นความปลอดภัยและความเรียบร้อยของลูกค้าของเราเป็นสำคัญ"
การเรียกคืนในวันจันทร์(17) ครอบคลุม บูอิค เอ็นเคลฟ รุ่น 2008-2009 บางส่วนและรุ่น 2010-2013 ทั้งหมด จีเอ็มซี อาร์คาเดีย ปี 2009 บางส่วน เชฟโรเลต แทรเวิร์ส 2010-2013 ทั้งหมด ปี2008-2009 บางส่วน และแซทเทิร์น เอาต์ลุ๊ค ทั้งหมด โดยเกือบทั้งหมดจำหน่ายในสหรัฐฯ แต่ก็มีบางที่ขายในแคนาดาและเม็กซิโก