ดาวเทียมสหรัฐฯ “ไม่พบ” การระเบิดกลางอากาศในช่วงที่ “โบอิ้งมาเลเซีย” ขาดการติดต่อ

เอเอฟพี - ดาวเทียมสอดแนมของสหรัฐฯ ตรวจไม่พบสัญญาณการระเบิดกลางอากาศในขณะที่เครื่องบินโดยสารของมาเลเซียแอร์ไลน์ส MH370 ขาดการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยวานนี้ (12 มี.ค.)

เจ้าหน้าที่ซึ่งขอสงวนนามชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เคยใช้เครือข่ายดาวเทียมตรวจจับสัญญาณความร้อน (heat signature) เพื่อบ่งชี้การระเบิดของเครื่องบินโดยสารที่กำลังบินอยู่ได้ แต่สำหรับครั้งนี้กลับไม่พบสัญญาณใดๆ

ร่องรอยการระเบิดกลางอากาศที่ไม่ปรากฏให้เห็น นับเป็นความน่าประหลาดอีกข้อหนึ่งที่ทำให้ชะตากรรมของเครื่องบินโดยสารลำนี้ยังเป็นปริศนาคาใจชาวโลก

MH370 ออกเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียเพื่อไปยังกรุงปักกิ่งเมื่อกลางดึกวันเสาร์ (8) และสูญหายไปจากจอเรดาร์ในเวลา 17.30 น. GMT หลังออกเดินทางจากสนามบินได้ประมาณ 1 ชั่วโมง

สำนักข่าวเอ็นบีซีเป็นสื่อรายแรกที่เผยแพร่ข้อมูลจากดาวเทียมสอดแนมของสหรัฐฯ

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เมื่อดาวเทียมไม่ได้ระบุพื้นที่ต้องสงสัย เรือของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งถูกส่งเข้าไปช่วยค้นหาซากเครื่องบินในทะเลจีนใต้ก็จะยังไม่เดินทางไปยังพื้นที่ใดเป็นการเฉพาะ

“หาก (ดาวเทียม) ตรวจพบวัตถุต้องสงสัย เรือของเราก็จะรีบเดินทางไปยังจุดนั้นทันที”

ปฏิบัติการค้นหาโบอิ้ง 777-200ER พร้อมผู้โดยสารกว่า 200 ชีวิตเวลานี้ ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 27,000 ไมล์ทะเล (ราว 90,000 ตารางกิโลเมตร)

เจฟฟรีย์ ริเชลสัน นักเขียนและนักประวัติศาสตร์ด้านข่าวกรอง เปิดเผยว่า ระบบดาวเทียมรังสีอินฟราเรดของรัฐบาลอเมริกันสามารถตรวจจับการระเบิดของเครื่องบินทรานส์เวิลด์แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน 800 ซึ่งตกลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อปี 1996 หลังเทกออฟจากสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี ในนครนิวยอร์กได้ไม่นานนัก

หนังสือ “America’s Space Sentinels” ของ ริเชลสัน ยังอธิบายเกี่ยวกับเครือข่ายดาวเทียมสหรัฐฯ ซึ่งเดิมทีมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งสัญญาณเตือนการยิงขีปนาวุธของสหภาพโซเวียต

ริเชลสัน ให้สัมภาษณ์ผ่านอีเมลว่า แม้ว่า “เครือข่ายดาวเทียมสนับสนุนด้านกลาโหม” (Defense Support Network – DSP) จะสร้างขึ้นเพื่อตรวจจับรังสีอินฟราเรดจากขีปนาวุธ แต่ก็มีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ตรวจจับเครื่องบินที่ใช้สันดาปท้าย (afterburner) กระสวยอวกาศที่อยู่ในวงโคจร รวมถึงการระเบิดทั้งบนพื้นดินและในชั้นบรรยากาศซึ่งมีความรุนแรงมากพอ

พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบข้อมูล DSP หลังจากที่เครื่องบินแอร์ฟรานซ์ เที่ยวบิน 447 สูญหายขณะเดินทางจากนครริโอเดอจาเนโรไปยังกรุงปารีส เมื่อปี 2009 ทว่าไม่สามารถยืนยันว่าพบร่องรอยอะไรหรือไม่