)
เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลฝักใฝ่มอสโกของไครเมียในวันพุธ(12) ชี้แจงว่าที่ต้องเข้าควบคุมสนามบินหลักของคาบสมุทรและจำกัดเที่ยวบินไปจนถึงวันจันทร์หน้า (17) ก็เพื่อป้องกันการเดินทางมาของสายลับ ก่อนหน้าการลงประชามติผละจากยูเครนเข้าสู่ใต้ร่มธงรัสเซีย ขณะที่มีรายงานว่ามีชาวบ้านหลายร้อยหลบตัดสินใจหลบหนีออกจากไครเมียแล้ว ท่ามกลางความกังวลว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายลงไปอีก
รุสแทม เทมีร์กาลิเยฟ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเที่ยวบินต่างๆจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ หลังเสร็จสิ้นการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ (16) “กองกำลังป้องกันตนเองของเราได้เข้าควบคุมสนามบิน เราต้องจำกัดการเคลื่อนไหว แต่มันเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเพื่อป้องกันการเดินทางมาของพวกสายลับ” เขากล่าวในวันพุธ (12) “เครือข่ายสัญจรทางอากาศจะกลับคืนสู่ภาวะปกติในวันที่ 17 มีนาคม”
เที่ยวบินจากกรุงเคียฟและอิสตันบูล ทั้งขาเข้าและออกซิมเฟโรโปล เมืองหลวงของสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย ถูกระงับตั้งแต่วันอังคาร (11) ด้วยเครื่องบินลำหนึ่งจากเมืองหลวงของยูเครน ถูกบังคับให้หันหัวกลับกลางอากาศ หลังถูกปฏิเสธให้ลงจอด อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่ง เที่ยวบินขาเข้าและออกจากมอสโก ยังคงสามารถปฏิบัติการได้ตามปกติ
แหล่งข่าว ณ สนามบินเปิดเผยว่ากองกำลังติดอาวุธบุกเข้าไปยังหอบังคับการบินเมื่อช่วงค่ำคืนวันจันทร์ (10) และบังคับให้เจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติงาน
นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดียูเครน วิกตอร์ ยานูโควิช ถูกโค่นอำนาจ รัฐบาลฝักใฝ่มอสโกของไครเมีย ได้งัดมาตรการต่างๆ นานาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในการโดดเดี่ยวสาธารณรัฐปกครองตนเองแห่งนี้ให้ออกจากส่วนอื่นๆ ของยูเครน ในนั้นรวมถึงเข้าควบคุมจุดยุทธศาสตร์สำคัญๆ ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ทาง อันดรีย์ ปารูบีย์ ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน บอกว่าเวลานี้มีประชาชนหลายร้อยคนแล้วที่หลบหนีออกจากไครเมีย และสถานการณ์อาจเสื่อมทรามลง ขณะที่ความตึงเครียดในคาบสมุทรที่ควบคุมโดยรัสเซียหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
“วันนี้มีจำนวนหลายร้อยคน แต่หากพวกแบ่งแยกดินแดนยังคงเคลื่อนไหวในไครเมีย จำนวนผู้อพยพอาจเพิ่มขึ้น” ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของยูเครนกล่าว “ยูเครนพร้อมให้ความเชื่อมั่นว่าเราจะปกป้องผู้อพยพ เราได้ใช้มาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อสามารถรองรับผู้ลี้ภัยเหล่านี้ และพาพวกเขาไปยังสถานที่ที่สะดวกสบายที่สุด”
ด้านหน่วยพิทักษ์ชายแดนของยูเครนเปิดเผยว่าโดยรวมแล้วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีประชาชนหลบหนีออกจากไครเมียเกือบ 560 คน โดยในนั้นเกือบ 400 คน เดินทางมายังแผ่นดินใหญ่ "เฉพาะวันพุธวันเดียว มีชาวบ้านหลบหนีความขัดแย้งในคาบสมุทรทะเลดำ 158 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมทาทาร์ ที่สนับสนุนรัฐบาลรักษาการของยูเครน
ความตึงเครียดในไครเมีย ลุกลามสู่วิกฤตตะวันออก-ตะวันตกครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็น ด้วยกองกำลังรัสเซียเข้าควบคุมสาธารณรัฐปกครองตนเองทางใต้ของยูเครนแห่งนี้ ขณะที่ไครเมีย มีกำหนดลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ (16) ว่าจะเข้าเป็นส่วนหนึ่งในสหพันธรัฐรัสเซียหรือไม่ ความเคลื่อนไหวที่ถูกรัฐบาลใหม่ฝักใฝ่ยุโรปของเคียฟและชาติมหาอำนาจตะวันตกตราหน้าว่าไม่ชอบธรรมตามกฎหมาย
เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลฝักใฝ่มอสโกของไครเมียในวันพุธ(12) ชี้แจงว่าที่ต้องเข้าควบคุมสนามบินหลักของคาบสมุทรและจำกัดเที่ยวบินไปจนถึงวันจันทร์หน้า (17) ก็เพื่อป้องกันการเดินทางมาของสายลับ ก่อนหน้าการลงประชามติผละจากยูเครนเข้าสู่ใต้ร่มธงรัสเซีย ขณะที่มีรายงานว่ามีชาวบ้านหลายร้อยหลบตัดสินใจหลบหนีออกจากไครเมียแล้ว ท่ามกลางความกังวลว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายลงไปอีก
รุสแทม เทมีร์กาลิเยฟ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเที่ยวบินต่างๆจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ หลังเสร็จสิ้นการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ (16) “กองกำลังป้องกันตนเองของเราได้เข้าควบคุมสนามบิน เราต้องจำกัดการเคลื่อนไหว แต่มันเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเพื่อป้องกันการเดินทางมาของพวกสายลับ” เขากล่าวในวันพุธ (12) “เครือข่ายสัญจรทางอากาศจะกลับคืนสู่ภาวะปกติในวันที่ 17 มีนาคม”
เที่ยวบินจากกรุงเคียฟและอิสตันบูล ทั้งขาเข้าและออกซิมเฟโรโปล เมืองหลวงของสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย ถูกระงับตั้งแต่วันอังคาร (11) ด้วยเครื่องบินลำหนึ่งจากเมืองหลวงของยูเครน ถูกบังคับให้หันหัวกลับกลางอากาศ หลังถูกปฏิเสธให้ลงจอด อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่ง เที่ยวบินขาเข้าและออกจากมอสโก ยังคงสามารถปฏิบัติการได้ตามปกติ
แหล่งข่าว ณ สนามบินเปิดเผยว่ากองกำลังติดอาวุธบุกเข้าไปยังหอบังคับการบินเมื่อช่วงค่ำคืนวันจันทร์ (10) และบังคับให้เจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติงาน
นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดียูเครน วิกตอร์ ยานูโควิช ถูกโค่นอำนาจ รัฐบาลฝักใฝ่มอสโกของไครเมีย ได้งัดมาตรการต่างๆ นานาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในการโดดเดี่ยวสาธารณรัฐปกครองตนเองแห่งนี้ให้ออกจากส่วนอื่นๆ ของยูเครน ในนั้นรวมถึงเข้าควบคุมจุดยุทธศาสตร์สำคัญๆ ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ทาง อันดรีย์ ปารูบีย์ ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน บอกว่าเวลานี้มีประชาชนหลายร้อยคนแล้วที่หลบหนีออกจากไครเมีย และสถานการณ์อาจเสื่อมทรามลง ขณะที่ความตึงเครียดในคาบสมุทรที่ควบคุมโดยรัสเซียหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
“วันนี้มีจำนวนหลายร้อยคน แต่หากพวกแบ่งแยกดินแดนยังคงเคลื่อนไหวในไครเมีย จำนวนผู้อพยพอาจเพิ่มขึ้น” ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของยูเครนกล่าว “ยูเครนพร้อมให้ความเชื่อมั่นว่าเราจะปกป้องผู้อพยพ เราได้ใช้มาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อสามารถรองรับผู้ลี้ภัยเหล่านี้ และพาพวกเขาไปยังสถานที่ที่สะดวกสบายที่สุด”
ด้านหน่วยพิทักษ์ชายแดนของยูเครนเปิดเผยว่าโดยรวมแล้วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีประชาชนหลบหนีออกจากไครเมียเกือบ 560 คน โดยในนั้นเกือบ 400 คน เดินทางมายังแผ่นดินใหญ่ "เฉพาะวันพุธวันเดียว มีชาวบ้านหลบหนีความขัดแย้งในคาบสมุทรทะเลดำ 158 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมทาทาร์ ที่สนับสนุนรัฐบาลรักษาการของยูเครน
ความตึงเครียดในไครเมีย ลุกลามสู่วิกฤตตะวันออก-ตะวันตกครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็น ด้วยกองกำลังรัสเซียเข้าควบคุมสาธารณรัฐปกครองตนเองทางใต้ของยูเครนแห่งนี้ ขณะที่ไครเมีย มีกำหนดลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ (16) ว่าจะเข้าเป็นส่วนหนึ่งในสหพันธรัฐรัสเซียหรือไม่ ความเคลื่อนไหวที่ถูกรัฐบาลใหม่ฝักใฝ่ยุโรปของเคียฟและชาติมหาอำนาจตะวันตกตราหน้าว่าไม่ชอบธรรมตามกฎหมาย