)
เอเจนซีส์ - “รัสเซีย” เผยกำลังร่างข้อเสนอของฝ่ายตนขึ้นมา ในขณะที่ “เคร์รี” เลื่อนการหารือกับ “ปูติน” โดยเครมลินชี้ว่า แผนยุติวิกฤตยูเครนผ่านการเจรจาของฝ่ายอเมริกาซึ่งเสนอออกมาก่อนหน้านี้นั้น “ไม่เหมาะสม” และ “รับไม่ได้” เพราะวางพื้นฐานอยู่ที่การยอมรับรัฐบาลใหม่ในเคียฟ ส่วนทางด้านกระทรวงต่างประเทศแดนอินทรีก็โต้กลับ ชี้ยินดีเจรจาทุกเมื่อหากเครมลินพร้อม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมอสโกต้องถอนกำลังออกจากไครเมีย และยุติความพยายามในการแย่งชิงดินแดนแห่งนี้ไปจากยูเครน
ในระหว่างการแถลงถ่ายทอดทางทีวีช่วงสั้นๆ ร่วมกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เมื่อวันจันทร์ (10) เซีนร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า ข้อเสนอของจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ “ไม่เหมาะสม” เนื่องจากยึดถือสถานการณ์ที่เกิดจากการยึดอำนาจอย่างผิดกฎหมายในยูเครนเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งเขาหมายถึงการปลดวิกเตอร์ ยานูโควิช จากตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน นอกจากนั้นมอสโกยังมีข้อสงสัยหลายประเด็น อย่างเช่น การกล่าวหาว่า รัสเซียขัดแย้งกับยูเครน และการยอมรับการยั่วยุของรัฐบาลใหม่ในเคียฟที่ให้การสนับสนุนตะวันตก
ลาฟรอฟ เสริมว่า เคร์รีได้ชะลอการเดินทางเยือนมอสโกเพื่อหารือสถานการณ์นี้ตามที่นัดหมายไว้กับปูตินในวันจันทร์ ดังนั้น รัสเซียจึงตัดสินใจที่จะร่างข้อเสนอใหม่ของตัวเอง
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาวยังประณามว่า พื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนซึ่งเป็นเขตที่สนับสนุนฝ่ายรัสเซียนั้นกำลังวุ่นวายไร้ระเบียบ สืบเนื่องจากการก่อเหตุของกลุ่มฟาสซิสต์ “ไรต์ เซ็กเตอร์” ที่มีส่วนร่วมในการประท้วงในเคียฟในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยที่รัฐบาลใหม่ของยูเครนก็รู้เห็นเป็นใจ
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงในวันเดียวกันว่า รัสเซียต่างหากเป็นฝ่ายปฏิเสธไม่ยอมหารือข้อเสนอของเคร์รี จึงส่งผลกระทบต่อแนวทางการแก้ปัญหาด้วยวิธีการเจรจา โดยเฉพาะการที่มอสโกปฏิเสธแนวคิดในการพูดจาโดยตรงกับรัฐบาลรักษาการของยูเครน
เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เสริมว่า อเมริกายังคงรอคำตอบจากมอสโก สำหรับคำถามที่เคร์รีถามกับลาฟรอฟไปเมื่อวันเสาร์ (8)
“รัฐมนตรีเคร์รีบอกกับรัฐมนตรีลาฟรอฟอย่างชัดเจนว่า ยินดีหารือเพิ่มเติมโดยเน้นที่วิธีปลดชนวนวิกฤตในยูเครน ถ้าหากและเมื่อใดที่อเมริกาเห็นหลักฐานรูปธรรมว่า รัสเซียพร้อมเจรจาข้อเสนอเหล่านี้แล้ว”
คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังระบุว่า เคร์รี ย้ำกับลาฟรอฟว่า ต้องการให้เครมลินถอนกำลังออกจากยูเครนและยุติความพยายามผนวกรวมเขตปกครองตนเองไครเมียของยูเครน รวมทั้งหยุดมาตรการยั่วยุเพื่อให้การเจรจาทางการทูตสามารถดำเนินต่อไปได้
เจ้าหน้าที่อเมริกันยังแจงว่า แรกทีเดียวการโต้ตอบทางการทูตระหว่างวอชิงตันกับมอสโกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นำไปสู่การนัดหมายของเคร์รีกับปูตินในวันจันทร์ แต่สุดท้ายต้องเป็นหมันเนื่องจากสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับกรอบโครงการเจรจาที่อเมริกาเรียกร้องว่า เขตแดนของยูเครนจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง
กรอบโครงดังกล่าวยังระบุถึงแนวทางในการจัดการข้อกังวลของรัสเซียเกี่ยวกับการโค่นล้มรัฐบาลในเคียฟซึ่งมอสโกมองว่า เป็นการรัฐประหาร แต่วอชิงตันเสนอให้มีคณะผู้ตรวจสอบเหตุการณ์รุนแรงในยูเครน
แดนอินทรียังเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารและอิทธิพลออกจากไครเมีย เพื่อขัดขวางไม่ให้เขตปกครองตนเองในทะเลดำแห่งนี้ทำประชามติเพื่อแยกตัวจากยูเครนไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในวันที่ 16 ที่จะถึง รวมทั้งขอให้มอสโกสนับสนุนการนำคณะผู้ตรวจสอบนานาชาติเข้าสู่ไครเมีย และเปิดทางให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ร่วมมือกับเคียฟ และส่งเสริมสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนปลายเดือนพฤษภาคม
ขณะเดียวกัน แอนดรี เดชชิตสยา รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนกล่าวเมื่อวันจันทร์ก่อนพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก ว่า ในทางปฏิบัติ ยูเครนเข้าสู่สงครามกับรัสเซียแล้ว และยูเครนกำลังรอความช่วยเหลือจากตะวันตก ขณะที่นายกรัฐมนตรีรักษาการ อาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค มีนัดหารือกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่วอชิงตันในวันพุธ (12)
ที่บรัสเซลส์ องค์การสนธิสัญญาปกป้องแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เผยว่า เครื่องบินเตือนภัยเอแว็กส์ที่ออกแบบมาเพื่อต่อต้านการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ จะเริ่มการบินลาดตระเวนเหนือโปแลนด์และโรมาเนียในวันอังคาร (11) เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในยูเครน
วันเดียวกันนั้น อเมริกาจะเริ่มการซ้อมรบในภูมิภาคดังกล่าวตามที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ โดยเรือพิฆาตของกองทัพเรือสหรัฐฯ จะร่วมฝึกกับเรือรบของโรมาเนียและบัลแกเรียในทะเลดำ นอกชายฝั่งไครเมีย นอกจากนี้อเมริกายังส่งเครื่องบินขับไล่ร่วมซ้อมรบในโปแลนด์ด้วย
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนีว่า มหาอำนาจตะวันตกไม่คิดใช้ปฏิบัติการทางทหาร แต่ต้องการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางการทูต แม้ขณะนี้สหภาพยุโรป (อียู) กำลังวางแผนลงโทษรัสเซียอยู่ก็ตาม
เอเจนซีส์ - “รัสเซีย” เผยกำลังร่างข้อเสนอของฝ่ายตนขึ้นมา ในขณะที่ “เคร์รี” เลื่อนการหารือกับ “ปูติน” โดยเครมลินชี้ว่า แผนยุติวิกฤตยูเครนผ่านการเจรจาของฝ่ายอเมริกาซึ่งเสนอออกมาก่อนหน้านี้นั้น “ไม่เหมาะสม” และ “รับไม่ได้” เพราะวางพื้นฐานอยู่ที่การยอมรับรัฐบาลใหม่ในเคียฟ ส่วนทางด้านกระทรวงต่างประเทศแดนอินทรีก็โต้กลับ ชี้ยินดีเจรจาทุกเมื่อหากเครมลินพร้อม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมอสโกต้องถอนกำลังออกจากไครเมีย และยุติความพยายามในการแย่งชิงดินแดนแห่งนี้ไปจากยูเครน
ในระหว่างการแถลงถ่ายทอดทางทีวีช่วงสั้นๆ ร่วมกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เมื่อวันจันทร์ (10) เซีนร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า ข้อเสนอของจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ “ไม่เหมาะสม” เนื่องจากยึดถือสถานการณ์ที่เกิดจากการยึดอำนาจอย่างผิดกฎหมายในยูเครนเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งเขาหมายถึงการปลดวิกเตอร์ ยานูโควิช จากตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน นอกจากนั้นมอสโกยังมีข้อสงสัยหลายประเด็น อย่างเช่น การกล่าวหาว่า รัสเซียขัดแย้งกับยูเครน และการยอมรับการยั่วยุของรัฐบาลใหม่ในเคียฟที่ให้การสนับสนุนตะวันตก
ลาฟรอฟ เสริมว่า เคร์รีได้ชะลอการเดินทางเยือนมอสโกเพื่อหารือสถานการณ์นี้ตามที่นัดหมายไว้กับปูตินในวันจันทร์ ดังนั้น รัสเซียจึงตัดสินใจที่จะร่างข้อเสนอใหม่ของตัวเอง
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาวยังประณามว่า พื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนซึ่งเป็นเขตที่สนับสนุนฝ่ายรัสเซียนั้นกำลังวุ่นวายไร้ระเบียบ สืบเนื่องจากการก่อเหตุของกลุ่มฟาสซิสต์ “ไรต์ เซ็กเตอร์” ที่มีส่วนร่วมในการประท้วงในเคียฟในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยที่รัฐบาลใหม่ของยูเครนก็รู้เห็นเป็นใจ
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงในวันเดียวกันว่า รัสเซียต่างหากเป็นฝ่ายปฏิเสธไม่ยอมหารือข้อเสนอของเคร์รี จึงส่งผลกระทบต่อแนวทางการแก้ปัญหาด้วยวิธีการเจรจา โดยเฉพาะการที่มอสโกปฏิเสธแนวคิดในการพูดจาโดยตรงกับรัฐบาลรักษาการของยูเครน
เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เสริมว่า อเมริกายังคงรอคำตอบจากมอสโก สำหรับคำถามที่เคร์รีถามกับลาฟรอฟไปเมื่อวันเสาร์ (8)
“รัฐมนตรีเคร์รีบอกกับรัฐมนตรีลาฟรอฟอย่างชัดเจนว่า ยินดีหารือเพิ่มเติมโดยเน้นที่วิธีปลดชนวนวิกฤตในยูเครน ถ้าหากและเมื่อใดที่อเมริกาเห็นหลักฐานรูปธรรมว่า รัสเซียพร้อมเจรจาข้อเสนอเหล่านี้แล้ว”
คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังระบุว่า เคร์รี ย้ำกับลาฟรอฟว่า ต้องการให้เครมลินถอนกำลังออกจากยูเครนและยุติความพยายามผนวกรวมเขตปกครองตนเองไครเมียของยูเครน รวมทั้งหยุดมาตรการยั่วยุเพื่อให้การเจรจาทางการทูตสามารถดำเนินต่อไปได้
เจ้าหน้าที่อเมริกันยังแจงว่า แรกทีเดียวการโต้ตอบทางการทูตระหว่างวอชิงตันกับมอสโกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นำไปสู่การนัดหมายของเคร์รีกับปูตินในวันจันทร์ แต่สุดท้ายต้องเป็นหมันเนื่องจากสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับกรอบโครงการเจรจาที่อเมริกาเรียกร้องว่า เขตแดนของยูเครนจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง
กรอบโครงดังกล่าวยังระบุถึงแนวทางในการจัดการข้อกังวลของรัสเซียเกี่ยวกับการโค่นล้มรัฐบาลในเคียฟซึ่งมอสโกมองว่า เป็นการรัฐประหาร แต่วอชิงตันเสนอให้มีคณะผู้ตรวจสอบเหตุการณ์รุนแรงในยูเครน
แดนอินทรียังเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารและอิทธิพลออกจากไครเมีย เพื่อขัดขวางไม่ให้เขตปกครองตนเองในทะเลดำแห่งนี้ทำประชามติเพื่อแยกตัวจากยูเครนไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในวันที่ 16 ที่จะถึง รวมทั้งขอให้มอสโกสนับสนุนการนำคณะผู้ตรวจสอบนานาชาติเข้าสู่ไครเมีย และเปิดทางให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ร่วมมือกับเคียฟ และส่งเสริมสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนปลายเดือนพฤษภาคม
ขณะเดียวกัน แอนดรี เดชชิตสยา รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนกล่าวเมื่อวันจันทร์ก่อนพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก ว่า ในทางปฏิบัติ ยูเครนเข้าสู่สงครามกับรัสเซียแล้ว และยูเครนกำลังรอความช่วยเหลือจากตะวันตก ขณะที่นายกรัฐมนตรีรักษาการ อาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค มีนัดหารือกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่วอชิงตันในวันพุธ (12)
ที่บรัสเซลส์ องค์การสนธิสัญญาปกป้องแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เผยว่า เครื่องบินเตือนภัยเอแว็กส์ที่ออกแบบมาเพื่อต่อต้านการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ จะเริ่มการบินลาดตระเวนเหนือโปแลนด์และโรมาเนียในวันอังคาร (11) เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในยูเครน
วันเดียวกันนั้น อเมริกาจะเริ่มการซ้อมรบในภูมิภาคดังกล่าวตามที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ โดยเรือพิฆาตของกองทัพเรือสหรัฐฯ จะร่วมฝึกกับเรือรบของโรมาเนียและบัลแกเรียในทะเลดำ นอกชายฝั่งไครเมีย นอกจากนี้อเมริกายังส่งเครื่องบินขับไล่ร่วมซ้อมรบในโปแลนด์ด้วย
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนีว่า มหาอำนาจตะวันตกไม่คิดใช้ปฏิบัติการทางทหาร แต่ต้องการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางการทูต แม้ขณะนี้สหภาพยุโรป (อียู) กำลังวางแผนลงโทษรัสเซียอยู่ก็ตาม
