เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการมาเลเซียแถลงวานนี้ (11 มี.ค.) ว่าในตอนนี้ภารกิจค้นหาเครื่องบินมาเลเซียที่หายไปอย่างไร้วี่แววระดับนานาชาติได้ขยายขอบเขตเข้าไปในทะเลอันดามัน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดค้นหาเดิมไปทางตะวันตกเฉียงเหนือหลายร้อยกิโลเมตร
ทั้งนี้ เที่ยวบิน MH 370 พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิต ได้สูญหายไปตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (8) ขณะมุ่งหน้าออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง จุดชนวนให้หลายประเทศร่วมกันพลิกผืนน้ำทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อตามหาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ลำนี้
อะซารุดดิน อับดุลเราะห์มาน อธิบดีกรมการบินพลเรือนมาเลเซียกล่าวว่า มีการส่งเรือและเครื่องบินหลายลำออกดำเนินภารกิจค้นหาทางตอนใต้ของทะเลอันดามัน
เขาแถลงยืนยันกับเอเอฟพีว่า กำลังดำเนินการค้นหาในทะเลอันดามันเหนือเกาะสุมาตรา พร้อมทั้งเสริมว่า “บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ซึ่งกว้างใหญ่มากสำหรับการค้นหาอย่างครอบคลุม แต่เราจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป เราต้องตรวจสอบทุกจุดที่มีความเป็นไปได้”
ทั้งนี้ สุมาตรา คือ เกาะขนาดใหญ่ของอินโดนีเซียซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทะเลอันดามัน ผืนน้ำนอกชายฝั่งด้านทิศตะวันตกของไทย
บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้ขยายขอบเขตการค้นหา ภายหลังที่ก่อนหน้านี้พวกเขาระบุว่ามีข้อมูลเรดาร์ซึ่งชี้ว่า มี “ความเป็นไปได้” ที่เครื่องบินลำนี้จะเปลี่ยนทิศทางขณะบินเหนือทะเลจีนใต้
อย่างไรก็ตาม เหล่าเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ออกมาให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลเรดาร์ที่ว่า
นับตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (8) บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจรับผิดชอบได้ดำเนินปฏิบัติการค้นหาในทะเลจีนใต้ จุดที่อยู่ระหว่างมาเลเซียกับเวียดนาม
ความรู้สึกกังวลในเรื่องเครื่องบินที่หายไป ได้กระตุ้นให้คนจำนวนมากพากันโกรธแค้นและคลางแคลงสงสัยมาเลเซียในวันนี้ (12) ขณะที่บรรดานักวิจารณ์ต่างพุ่งเป้าโจมตีไปที่เจ้าหน้าที่ว่า ขาดการประสานงานเพื่อรับมือกับสถานการณ์ จนเกิดความสับสนวุ่นวาย
“ตอนนี้ชาวมาเลเซียเริ่มหมดความอดทนกับการค้นหาลูกเรือและผู้โดยสาร 239 คนที่สูญหายไปกับเที่ยวบิน MH 370 จนแปรเปลี่ยนเป็นความอึดอัดใจและโกรธแค้นแทน” เว็บไซต์ข่าว “มาเลเซียนอินไซเดอร์” ระบุ
หลายประเทศ เป็นต้นว่า กองทัพเรือสหรัฐฯ ต่างช่วยกันระดมอากาศยานและเรือรบออกค้นหา เพื่อไขปริศนาที่ลึกลับซับซ้อนที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การบิน ทว่ายังไม่พบหลักฐานที่ช่วยชี้เบาะแสเกี่ยวกับชะตากรรมของเครื่องบินลำนี้ได้แม้แต่น้อย
ซายเอ็ด ฟาริส ฮาเคม พนักงานออฟฟิศในกรุงกัวลาลัมเปอร์วัย 26 ปี กล่าวว่า “โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าพวกเขา (สายการบิน) อาจกำลังปกปิดอะไรบางอย่างแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องอะไร ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้ออกมาให้ความกระจ่าง และให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน” เขากล่าว โดยสะท้อนความรู้สึกของชาวมาเลเซียจำนวนมากที่คุกรุ่นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ในวันนี้ (12) พลอากาศเอก ร็อดซาลี ดาอุด ผู้บัญชาการกองทัพอากาศมาเลเซียออกมาปฏิเสธรายงานเมื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งอ้างคำพูดของเขาโดยระบุว่า เรดาร์ทหารสามารถตรวจจับได้ว่าเครื่องบินลำนี้ออกนอกจากเส้นทางในแผนการเดินทางไปไกลถึงช่องแคบมะละกา
เขากล่าวว่า รายงานข่าวนำคำพูดของเขาไปอ้างผิด ทั้งนี้เขาออกมาชี้แจงหลังมีการตั้งคำถามเรื่องวิธีการที่เจ้าหน้าที่มาเลเซียใช้รับมือกับสถานการณ์ออกมามากมาย
ในบรรดาข้อมูลที่ย้อนแย้งกันยังรวมถึงข้อมูลที่ขัดแย้งกันในเรื่องชาติพันธ์ของชายสองคน ซึ่งถือพาสปอร์ตที่ถูกขโมยมาเพื่อโดยสารเที่ยวบิน MH 370, มีผู้โดยสารที่ใช้หนังสือเดินทางปลอม 2 หรือ 4 คน และมีผู้โดยสารที่จองตั๋วบางคนตกเครื่องหรือไม่
“ผมคิดว่า ไม่ว่าประเทศไหนก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ระดับนี้” เกอร์รี โซเอจัตมัน นักวิเคราะห์การบินในอินโดนีเซียระบุ
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวเสริมว่า “แรงกดดันจากสาธารณชนอาจทำให้สูญเสียโครงสร้างของการควบคุมสั่งการ ทั้งยังทำลายเอกภาพในการค้นหา ซึ่งเราไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น”