ไฟแนนเชียลไทมส์/เอเจนซีส์ – “ตำรวจสากล” เตือนภัยจุดอ่อนอันน่าวิตกยิ่งในระบบรักษาความปลอดภัยของทั่วโลก เนื่องจากพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของประเทศส่วนใหญ่พากันละเลย ไม่ทำการตรวจสอบหนังสือเดินทางที่ถูกขโมย ดังที่ปรากฏชัดเจนในกรณีของผู้โดยสาร 2 คนที่ใช้พาสปอร์ตซึ่งถูกแจ้งหาย เดินทางในเที่ยวบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สซึ่งสูญหายไป
ในขณะที่ยังไม่กระจ่างชัดเจนว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 ของสายการบินแห่งชาติของมาเลเซีย หายวับฉับพลันจากจอเรดาร์ ขณะบินอยู่กลางทะเลบนเส้นทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่งเมื่อเช้าวันเสาร์ (8 มี.ค.) แต่เจ้าหน้าที่สอบสวนของมาเลเซีย และของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ตลอดจนหน่วยข่าวกรองของชาติอื่นๆ ก็ได้ร่วมมือกันเพื่อระบุตัวบุคคล 2 คน ซึ่งโดยสารเที่ยวบินดังกล่าว โดยใช้หนังสือเดินทางที่เจ้าของตัวจริงแจ้งว่าหายไปในประเทศไทยในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
ตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ระบุว่า รายละเอียดของหนังสือเดินทางทั้ง 2 เล่ม ซึ่งเล่มหนึ่งเป็นของชาวออสเตรีย อีกเล่มหนึ่งเป็นของชาวอิตาลี ได้ถูกนำไปบรรจุไว้ในฐานข้อมูล “เอกสารการเดินทางถูกโจรกรรมและสูญหาย” ของทางตำรวจสากลแทบจะในทันที หลังจากมีการแจ้งความว่ามันสูญหายไปเมื่อปี 2012 และปี 2013 ตามลำดับ
“นี่คือสถานการณ์ที่เราเคยวาดหวังเอาไว้ว่าจะไม่ต้องประสบพบเห็น เป็นเวลาตั้งหลายปีมาแล้วที่ตำรวจสากลตั้งคำถามว่า ทำไมประเทศต่างๆ จึงรอคอยให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมาเสียก่อน แล้วจึงค่อยนำมามาตรการรักษาความปลอดภัยที่รอบคอบรัดกุม มาใช้กับด่านชายแดนและประตูผ่านไปขึ้นเครื่องบิน” โรนัลด์ โนเบิล เลขาธิการองค์การตำรวจสากล กล่าวในวันอาทิตย์ (9 มี.ค.)
“ขณะที่มันยังเร็วเกินไปที่จะคาดเดาความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่างหนังสือเดินทางที่ถูกขโมยไปเหล่านี้ กับการหายไปของเครื่องบินลำนี้ แต่มีความชัดเจนแล้วว่า เป็นสิ่งที่น่าห่วงใยอย่างยิ่งที่ยังมีผู้โดยสารสามารถขึ้นเครื่องบินในเที่ยวบินระหว่างประเทศได้ โดยใช้หนังสือเดินทางฉบับที่ถูกขโมยมา ซึ่งมีบันทึกระบุเอาไว้แล้วในฐานข้อมูลของตำรวจสากล”
ตำรวจสากลระบุว่า เนื่องจากประเทศจำนวนมากละเลยเรื่องนี้ ทำให้ในปีที่แล้วมีผู้โดยสารมากกว่า 1,000 ล้านคนในตลอดทั่วโลก สามารถที่จะขึ้นเครืองบินโดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำการตรวจสอบเอกสารการเดินทางของพวกเขากับฐานข้อมูลของตำรวจสากล
ทั้งนี้เรื่องการใช้เอกสารเดินทางปลอม นอกเหนือจากเป็นปัญหาอันน่าวิตกที่สุดว่าจะเปิดโอกาสให้แก่การก่อการร้ายแล้ว ก็ยังอาจเป็นช่องทางของการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ตลอดจนเป็นช่องทางของการประกอบอาชญากรรมอื่นๆ ได้อีกด้วย