เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ทางการไนเจอร์ส่งตัว “อัล-ซาดี กัดดาฟี” หนึ่งในบุตรชายของโมอัมมาร์ กัดดาฟีเป็น “ผู้ร้ายข้ามแดน” กลับไปยังลิเบียแล้วในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) หลังจากเข้ามาลี้ภัยในไนเจอร์นานเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่ที่ระบอบการปกครองของผู้เป็นบิดามีอันต้องล่มสลายในปี 2011
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางการไนเจอร์ ส่งผลให้อัล-ซาดี กัดดาฟี กลายเป็นบุตรชายคนล่าสุดของอดีตผู้นำลิเบียที่ต้องสูญสิ้นอิสรภาพ หลังจากที่ซาอีฟ อัล-อิสลาม กัดดาฟี พี่ชายของเขาถูกสมาชิกกลุ่มติดอาวุธกลุ่มหนึ่งจับตัวได้เมื่อปี 2011 และถูกนำตัวไปควบคุมไว้ในเรือนจำอันห่างไกลแถบภูเขาทางภาคตะวันตกของประเทศ โดยที่กลุ่มติดอาวุธดังกล่าวปฏิเสธที่จะส่งตัวเขาให้กับรัฐบาลกลางชุดใหม่ของลิเบีย
รายงานข่าวระบุว่า ในช่วงก่อนที่บิดาของเขาจะถูกโค่นอำนาจ อัล-ซาดีซึ่งชื่นชอบการใช้ชีวิตแบบ “เพลย์บอย” และโปรดปรานกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจนั้น เคยมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษของลิเบีย ที่มีบทบาทสำคัญในการปราบปรามประชาชนที่ลุกฮือขึ้นต่อต้านระบอบการปกครองของผู้เป็นบิดา
ทันทีที่ข่าวการส่งตัวเขากลับมายังลิเบียถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน มีรายงานว่าประชาชนในกรุงตริโปลี เมืองหลวงของประเทศต่างออกมาโห่ร้องแสดงความยินดีกันตามท้องถนนสายต่างๆ รวมถึงบรรดาผู้ขับขี่รถที่ต่างพากันบีบแตรดังสนั่นเพื่อร่วมฉลองข่าวอันน่ายินดีดังกล่าว บ้างก็จุดดอกไม้ไฟและโบกธงชาติ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันของลิเบียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอาลี ซีดาน และนูริ อาบูซาห์ไมน์ ประธานสภาแห่งชาติ คาดหวังจะใช้ชะตากรรมของอัล-ซาดี กัดดาฟี เพื่อช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากปัญหาความไร้เสถียรภาพของประเทศที่ยังคงมีสภาพไร้ขื่อแปและยากจะควบคุม แม้ลิเบียจะมีรัฐบาลใหม่บริหารประเทศมานานกว่า 3 ปีแล้วนับแต่การล่มสลายของระบอบกัดดาฟี
จนถึงขณะนี้บรรดากลุ่มติดอาวุธอิสระต่างออกอาละวาดแย่งชิงพื้นที่และก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ทั่วประเทศ โดยที่รัฐบาลกลางในกรุงตริโปลีล้มเหลวสิ้นเชิงในการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งเกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธบุกเข้าโจมตีอาคารที่ทำการรัฐสภาและสังหารเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสภาไป 1 นาย รวมถึงมีสมาชิกรัฐสภาลิเบียอีกอย่างน้อย 6 คนได้รับบาดเจ็บ เป็นเหตุต้องมีการย้ายการประชุมสภาไปจัดภายในโรงแรมแห่งหนึ่งแทน
ด้าน มารู อมาดู โฆษกรัฐบาลไนเจอร์ซึ่งควบตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมด้วย ออกมาแถลงว่า การตัดสินใจส่งตัวอัล-ซาดี กัดดาฟี พร้อมด้วยผู้ติดตามกลับไปยังลิเบียมีขึ้นเพราะ บุตรชายของอดีตผู้นำลิเบียและคนสนิทไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการขอลี้ภัยในไนเจอร์ และมีพฤติกรรมที่พยายามบ่อนทำลายเสถียรภาพของลิเบีย โดยใช้แผ่นดินไนเจอร์เป็นฐาน พร้อมย้ำว่ารัฐบาลไนเจอร์ตัดสินใจส่งตัวอัล-ซาดีกลับลิเบีย โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาวไนเจอร์เป็นสำคัญ แม้จะมีความกังวลว่าบุตรชายของอดีตผู้นำลิเบียอาจได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิตหากกลับไปยังมาตุภูมิ
ขณะที่ อัล-ซาดิก อัล-ซูร์ หัวหน้าทีมสอบสวนประจำสำนักงานอัยการลิเบียเผยว่า อัล-ซาดี กัดดาฟี ซึ่งขณะนี้ถูกนำไปควบคุมตัวที่เรือนจำอัล-ฮาดาบาในกรุงตริโปลีเพื่อรอการพิจารณาคดีนั้นจะถูกดำเนินคดีในข้อหาลักพาตัวและข่มขืน รวมถึงข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบ และข้อหาฆาตกรรม โดยมีความเป็นไปได้ที่บุตรชายอดีตผู้นำลิเบียอาจถูกแจ้งข้อหาอื่นๆ เพิ่มเติม
ในอีกด้านหนึ่ง อัล-ฮาบิบ อัล-อามีน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของลิเบีย ออกโรงยืนยันผ่านสถานีโทรทัศน์อัล-อราบิยา โดยระบุว่ารัฐบาลลิเบียไม่ได้จ่ายเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับทางการไนเจอร์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ไนเจอร์จะยอมส่งตัว อัล-ซาดี กัดดาฟีเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมายังลิเบีย
