xs
xsm
sm
md
lg

“คอลัมนิสต์อาหารของยาฮู” เปิดหมดเปลือก!! “ทุเรียน” ผลไม้เลื่องชื่อของไทยระดับโลก “เหม็น” ตามคำร่ำลือจริงหรือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - จูเลีย เบนบริดจ์ คอลัมนิสต์ด้านอาหารของเว็บไซต์ยาฮู ในคอลัมน์ Taste Tests จัดให้ “ทุเรียน” ผลไม้เลื่องชื่อของไทยเป็น 1 ใน 4 ของอาหารนานาชาติที่มีชื่อเสียงในด้านความเหม็น และรสชาติที่เลวร้าย ติดลำดับโลกที่มีทั้งนัตโตะของญี่ปุ่น และ Marmite ของอังกฤษ และ Haggis ของสกอตแลนด์ โดยหลังจากที่เบนบริดจ์ที่ได้ซื้อทุเรียนเพื่อทำการวิจัยพร้อมกับบรรณาธิการคนอื่นต่างลงความเห็นว่าทุเรียนที่มีกลิ่นเหม็นคล้าย “ไข่เน่าผสมกับขยะสด น้ำมันสน และกลิ่นจางๆ หอมเอียนๆ ของแตงเมลอน” นั้นถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 4 จากลำดับอาหารที่น่าขยะแขยงสูงสุดจาก 5 ไปยังลำดับ 0 ที่ต่ำที่สุด

จะเป็นไปได้อย่างไรถึงสิ่งที่สวยงามมาก และเป็นสิ่งที่น่าจะมีที่สุดประจำสวนอีเดน(หากสวนอีเดนตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่อยู่ทางเหนือของไทย) จะมีความเหม็นอย่างรุนแรงที่น่าสะพรึงกลัวอย่างเลวร้าย

ไม่กี่ปีก่อนหน้านั้น จูเลีย เบนบริดจ์ คอลัมนิสต์ด้านอาหารของเว็บไซต์ยาฮูประจำTaste Tests ได้ซื้อทุเรียนทั้งลูกและหิ้วเข้าไปยังลานจอดรถเพื่อใส่ในรถนำกลับบ้าน ซึ่งเธอได้รับคำเตือนให้ระวังถึง “กลิ่น” ของผลไม้ชนิดนี้ที่แรงมากและสามารถส่งกลิ่นได้ในระยะไกล และยังต้องใช้ค้อนในการผ่าออก (ซึ่งมันไม่จำเป็นเท่าใดนัก แต่ค้อนเป็นสิ่งเดียวที่เบนบริดจ์จะหาได้ในขณะนั้น) และเมื่อสามารถใช้พละกำลังปอกเปลือกทุเรียนได้สำเร็จแล้ว จะได้พบกับเนื้อทุเรียนสีเหลืองอ๋อยที่มีกลิ่นคล้าย“ไข่เน่าผสมกับขยะสด น้ำมันสน และกลิ่นจางๆ หอมเอียนๆ ของแตงเมลอน”

และควรจะต้องรู้ว่าทุเรียนซึ่งเป็นผลไม้ที่มีหนามแหลมและมีถิ่นกำเนิดมาจากแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นถูกห้ามในระบบโดยสารสาธารณะของที่นั่น

นอกจากที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่แปลกตาแล้ว เป็นที่น่าเสียดายว่ากลิ่นอันไม่พึงประสงค์ของผลไม้ชนิดนี้จะทำให้มีผู้คนมากมายที่ไม่อยากลิ้มลองราชาผลไม้ชนิดนี้ ในขณะที่อีกเช่นกันมีคนจำนวนมากต่างหลงไหลในรสชาติของทุเรียน แต่ทว่ากลิ่นและรสเป็นประสบการณ์ที่มนุษย์ไม่สามารถแยกจากกันได้

“ดิฉันไม่สามารถทนต่อกลิ่นตุของไข่ได้” หนึ่งในบรรณาธิการของ Taste Tests ยอมรับ

ในขณะที่มีผู้ร่วมงานคนอื่นกลับลงความเห็นว่า “กลิ่นไข่ตุ” นั้นทำให้ทุเรียนดูน่าลองชิมมากขึ้น ส่วนบรรณาธิการคนอื่นลงความเห็นว่ากลิ่นของทุเรียนนั้นเหม็นเหมือนกับ “ขยะ” และมีรสชาติคล้ายแก๊สโซลีนและแตงแคนตาลูปผสมกัน

นอกจากนี้เนื้อทุเรียนยังให้ความรู้สึกที่แปลกอย่างน่ากระอักกระอ่วนใจอย่างที่สุด ซึ่งเบนบริดจ์ยอมรับอย่างเปิดใจว่า เธอสามารถกินทุเรียนได้ในขณะที่มือหนึ่งของเธอต้องบีบจมูกเอาไว้

ซึ่งเมื่อลงความเห็นในการให้คะแนนความน่าขยะแขยงจากลำดับสูงสุดที่ 5 จนถึงลำดับต่ำสุดที่ 0 แล้ว หนึ่งในบรรณาธิการของกองโหวตให้ทุเรียนอยู่ในลำดับที่ 5 ซึ่งเธอกล่าวว่า “ทุเรียนทำให้เธอรู้สึกป่วย” นอกจากนี้เธอยังเล่าถึงประสบการณ์สุดโหดที่มีต่อทุเรียนว่า

“เมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันได้มีโอกาสได้ไปทานติ่มซำที่ภัตคารแห่งหนึ่ง และด้วยความไม่รู้ดิฉันได้บังเอิญกัดติ่มซำชิ้นที่สอดไส้ทุเรียนอยู่ข้างใน มันถือเป็นหนึ่งในช่วงวิกฤตชีวิตของดิฉันทีเดียว รสชาติยังคงติดอยู่ในปาก เคลือบทุกส่วนไม่ว่าลิ้นหรือฟัน และเมื่อดิฉันได้ถ่มมันออกมาและดื่มน้ำตามเข้าไปถึง 3 แก้ว ดิฉันยังคงได้สัมผัสถึงรสชาติของมันอ และที่เลวร้ายที่สุด ดิฉันยังคงได้กลิ่นมันอยู่” หนึ่งในกองบรรณาธิการของTaste Testsเผย

ซึ่ง Taste Tests ได้จัดให้ทุเรียนอยู่ในลำดับที่ 4 ซึ่งมีคะแนนสูงกว่านัตโตะ และมีคะแนนต่ำกว่าแยม Marmite (ยี่ห้อเนยทาขนมปังที่เป็นสีออกดำๆ หน่อย ทำจากยีสต์) ซึ่งนอกจากนี้ยังมี Haggis (หรือเครื่องในแกะบด เสิร์ฟมาพร้อม ไข่ดาว เบคอน ขนมปัง) แต่ในที่สุด Taste Testไม่จัดให้ Haggisเป็นหนึ่งในอาหารที่ไม่น่าปราถนา ซึ่งแท้จริงแล้วที่ Haggis นั้นไม่เป็นที่ปราถนาเพราะหน้าตาของมัน และเพราะเสียงลือไปทั่วโลกถึงวิธีการทำอาหารประเภทนี้ที่ไม่น่าพิสมัย

กำลังโหลดความคิดเห็น