เอเจนซีส์ - กลุ่มติดอาวุธจำนวนหลายสิบคน เมื่อวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) บุกเข้ายึดและชักธงชาติรัสเซียขึ้นเหนืออาคารที่ทำการรัฐบาลและรัฐสภาของเขตปกครองตนเองไครเมีย อันเป็นภูมิภาคของยูเครนซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้พูดภาษารัสเซีย ขณะที่สำนักข่าวของแดนหมีขาวก็รายงานคำแถลงของ วิกตอร์ ยานูโควิช ผู้ถูกฝ่ายค้านในกรุงเคียฟปลดออกจากตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน โดยเขาประกาศลั่นว่ายังคงเป็นประมุขประเทศที่มีความชอบธรรม ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับกระแสแบ่งแยกดินแดน และทำให้รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯออกมาเรียกร้องให้รัสเซียต้องแสดงความโปร่งใสในการฝึกซ้อมความพร้อมรบทางทหารตามแนวชายแดนติดต่อยูเครน อย่าใช้จังหวะก้าวที่อาจทำให้เกิดการตีความผิด หรือ “นำไปสู่การคำนวณอย่างผิดพลาดในช่วงเวลาอันละเอียดอ่อน”
สำนักข่าวหลายแห่งของรัสเซีย เมื่อวันพฤหัสบดีต่างรายงานคำแถลงของยานูโควิช ที่ยืนยันความถูกต้องชอบธรรมในตำแหน่งประธานาธิบดียูเครนของตน
“ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ประชาชนทางตะวันออกเฉียงใต้และในไครเมียไม่ยอมรับสุญญากาศอำนาจและรัฐบาลเถื่อนในเคียฟที่ได้รับแต่งตั้งจากม็อบ” คำแถลงนี้ระบุ
ยานูโควิช ยังอ้างว่า ตนและผู้ช่วยใกล้ชิดได้รับการคุกคามจากกลุ่มหัวรุนแรง และร้องขอทางการรัสเซียให้ความคุ้มครอง โดยที่สำนักข่าวอินเทอร์แฟ็กซ์ของรัสเซียอ้างแหล่งข่าวในเครมลินที่เผยว่า มอสโกจะรับประกันความปลอดภัยของยานูโควิชในดินแดนของรัสเซีย
เวลานี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า นี่เป็นคำแถลงของยานูโควิชจริงหรือไม่ และเจ้าตัวหลบซ่อนอยู่ที่ใด แม้สื่อบางสำนักระบุว่า เวลานี้เขากบดานอยู่ในมอสโกก็ตาม ขณะที่โฆษกของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ระบุว่า ไม่สามารถแสดงความเห็นเกี่ยวกับคำแถลงดังกล่าวได้เนื่องจากยังไม่มีข้อมูล
กระนั้น การกล่าวอ้างในคำแถลงเกี่ยวกับการแข็งข้อในบางพื้นที่ดูเหมือนเป็นความจริงชัดเจนขึ้น หลังจากมีกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัสเซียหลายสิบคนบุกยึดรัฐสภาและอาคารที่ทำการรัฐบาลหลายแห่งในไครเมียเอาไว้ โดยที่ไม่มีการสู้รบใดๆ
ที่อาคารรัฐสภาและตึกที่ทำการรัฐบาลในเมืองซิมเฟโรโพล เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองแห่งนี้ ปรากฏธงชาติรัสเซียปลิวไสวตั้งแต่เช้าวันพฤหัสบดี และนายกรัฐมนตรีอนาโตลี โมฮิลยอฟ ของไครเมีย ยืนยันว่า มีกลุ่มติดอาวุธราว 50 คนยึดอาคารรัฐบาลไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำงาน โดยปฏิเสธไม่ยอมเจรจากับเจ้าหน้าที่
ขณะที่สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์อ้างปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งซึ่งเล่าว่า มีคนประมาณ 60 คนพร้อมอาวุธจำนวนมากอยู่ภายในอาคารเหล่านี้ คนเหล่านี้ซึ่งพูดภาษารัสเซีย เข้ามายึดตึกเอาไว้ตั้งแต่เช้ามืด
ต่อมาในตอนสาย มีตำรวจราว 100 คนรวมตัวอยู่ที่ด้านหน้าอาคารรัฐสภา และต่อมามีผู้คนจำนวนใกล้เคียงกันพากันถือธงชาติรัสเซีย เดินขบวนไปยังอาคารดังกล่าวพร้อมกับตะโกนว่า “รัสเซีย, รัสเซีย”
ทางด้าน อาร์เซน อาวาคอฟ รักษาการรัฐมนตรีมหาดไทยยูเครนแถลงว่า กองกำลังของกระทรวง รวมทั้งกำลังตำรวจทั้งหมดได้ยกระดับการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือสถานการณ์ในไครเมีย นอกจากนั้น ยังมีการตรึงกำลังล้อมรัฐสภาของไครเมีย เพื่อนำประชาชนออกจากบริเวณโดยรอบของอาคารที่ถูกยึด
อวาคอฟเสริมว่า กองกำลังความมั่นคงในภูมิภาคดังกล่าวได้ดำเนินมาตรการอื่นๆ เพื่อป้องกันการดำเนินการของกลุ่มหัวรุนแรง และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในใจกลางเมือง
ส่วน อเล็กซานเดอร์ ตูชิร์นอฟ รักษาการประธานาธิบดียูเครน แถลงเรียกร้องต่อคณะผู้นำทางทหารของกองทัพเรือภาคทะเลดำของรัสเซีย ซึ่งมีกองบัญชาการใหญ่อยู่ที่ไครเมียว่า หากฝ่ายรัสเซียมีความเคลื่อนไหวทางทหารใดๆ นอกเขตฐานทัพของแดนหมีขาวแล้ว ยูเครนจะถือว่าเป็นการแสดงความก้าวร้าวรุกรานด้วยกำลังทหาร
สำหรับ รัฐมนตรีกลาโหม ชัค เฮเกล ของสหรฐฯ ได้ออกคำแถลงในวันพฤหัสบดีจากกรุงบรัสเซลส์, เบลเยียม ซึ่งเขากำลังไปร่วมการประชุมขององค์การนาโต ระบุว่า สหรัฐฯคาดหมายให้ประเทศอื่นๆ เคารพอธิปไตยของยูเครน และหลีกเลี่ยงการกระทำลักษณะยั่วยุ ดังนั้นสหรัฐฯจึงเฝ้าติดตามการฝึกซ้อมทางทหารของรัสเซียตามบริเวณชายแดนติดต่อกับยูเครน
“ผมคาดหมายว่ารัสเซียจะมีความโปร่งใสเกี่ยวกับกิจกรรมเหล่านี้ และผมขอเร่งเร้าให้พวกเขาอย่าได้ใช้จังหวะก้าวใดๆ ที่อาจถูกตีความผิด หรือ นำไปสู่การคำนวณอย่างผิดพลาดในช่วงเวลาอันละเอียดอ่อน”
ทั้งนี้ เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เพิ่งออกคำสั่งให้ทหาร 150,000 คน พร้อมเครื่องบินรบ 90 ลำ รถถัง 880 คัน และเรือรบ 80 ลำ ฝึกซ้อมแสดงความพร้อมสู้รบในพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศ รวมทั้งตามแนวชายแดนติดกับยูเครน ตลอดจนให้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยศูนย์บัญชาการกองทัพเรือภาคทะเลดำ
หลังจากรัสเซียออกข่าวคำสั่งของปูติน ทางด้าน จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำแถลงเตือนทันควันว่า หากรัสเซียเข้าแทรกแซงทางทหารต่อยูเครน อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์รุนแรง
ทว่ามอสโกปฏิเสธทันทีเช่นกันว่า การซ้อมรบดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในยูเครน กระนั้น ดูเหมือนว่า การแสดงแสนยานุภาพครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อแสดงให้ทั้งรัฐบาลใหม่ของยูเครนและตะวันตกตระหนักว่า เครมลินพร้อมดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
ในส่วนความเคลื่อนไหวภายในยูเครนนั้น ในวันพฤหัสบดี รัฐสภายูเครนลงมติแต่งตั้งอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศซึ่งเป็น 1 ในแกนนำฝ่ายค้านที่เข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านยานูโควิชในกรุงเคียฟช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ โดยมีภารกิจสำคัญคือ การรับมือกระแสแบ่งแยกดินแดนจากภูมิภาคที่สนับสนุนรัสเซีย และการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ
เวลานี้เคียฟต้องการเงินอัดฉีดราว 35,000 ล้านดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่ถึงกำหนดในปีนี้ และเรียกร้องให้ตะวันตกยื่นมือช่วยเหลือ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เคร์รีแถลงเมื่อวันพุธ (26) ว่า วอชิงตันกำลังเตรียมการอัดฉีดเบื้องต้น 1,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อียูกำลังวางแผนค้ำประกันเงินกู้มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครน