รอยเตอร์ - กลุ่มติดอาวุธจำนวน 60 คนได้บุกยึดที่ทำการรัฐบาล และตึกรัฐสภา ของรัฐบาลท้องถิ่นในแหลมไครเมีย ในวันนี้ (27) พร้อมทั้งชักธงชาติรัสเซียขึ้น ทำให้อำนาจใหม่เคียฟส่งสัญญาณเตือนมอสโกไม่ให้ใช้กำลังเข้าควบคุมดินแดนนี้ ซึ่งอยู่ติดกับรัสเซียตลอดจนมีฐานทัพเรือใหญ่ของรัสเซียตั้งอยู่ตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียตแล้ว
ประธานาธิบดีรักษาการของยูเครน อเล็กซานเดอร์ ตูร์ชินอฟ ที่ได้รับการแต่งตั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมากล่าวเตือนรัสเซียว่า “ผมร้องต่อผู้บัญชาการกองเรือรบรัสเซียประจำทะเลดำ หากมีการเคลื่อนไหวทางกำลังพล และยิ่งถ้าเหล่าทหารติดอาวุธก้าวพ้นจากเขตที่ตั้งของฐานทัพรัสเซียในทะเลดำ ฝ่ายยูเครนจะถือว่าเป็นการใช้กำลังทางทหาร”
ส่วนรักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ก็ได้เรียกทูตรัสเซียชั่วคราวประจำกรุงเคียฟ มาหารือร่วมกันอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้เอกอัครราชทูตรัสเซียนั้น ได้ถูกมอสโกเรียกตัวกลับประเทศไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
ในขณะนี้สัญญาณจากทางมอสโกยังคงสับสนไม่แน่ชัด โดยที่ด้านหนึ่งรัสเซียได้ส่งเครื่องบินรบประจำตลอดพรมแดนด้านตะวันตกของรัสเซียในการพร้อมรบอย่างเต็มอัตรา แต่ทว่าก่อนหน้านี้รัสเซียได้กล่าวว่า พร้อมที่จะเข้าร่วมการปรึกษาหารือเรื่องที่จะให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ให้เงินช่วยเหลือแก่ยูเครน ซึ่งทางยูเครนได้เปิดเผยมาว่า มีความจำเป็นต้องใช้ 35,000 ล้านดอลลาร์ ภายใน 2 ปีข้างหน้าเพื่อฟื้นประเทศจากปัญหาทางเศรษฐกิจ
เวลานี้ยังไม่เป็นที่ประจักษ์ว่าฝ่ายใดเป็นผู้เข้ายึดตึกที่ทำการของรัฐในซิมเฟอโรโปล เมืองเอกของไครเมีย และไม่มีการประกาศข้อเรียกร้องใดออกมา แต่พยานผู้อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า พวกเขาพูดภาษารัสเซีย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกลุ่มคนเชื้อสายรัสเซียที่อาจต้องการแบ่งแยกดินแดน
สำนักข่าวอินเตอร์แฟกส์ของรัสเซีย ได้อ้างคำพูดของพวกพยานที่พบเห็นเหตุการณ์ว่า มีกลุ่มคนราว 60 คนอยู่ภายในที่ทำการของรัฐบาลท้องถิ่น และพวกเขามีอาวุธมากมาย นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมต่อว่าไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บในช่วงการเข้ายึดอาคาร โดยผู้ที่ทำการยึดนั้นพูดภาษารัสเซียและแต่งชุดเครื่องแบบที่ไม่ติดเครื่องหมายใดๆ คนเหล่านี้เข้ามาพร้อมอาวุธปืนพก มีบางคนยิงปืนด้วย
ไครเมียถือเป็นภูมิภาคเดียวในยูเครน ที่ประชากรส่วนข้างมากเป็นชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซีย และถือเป็นที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายคัดค้านคณะผู้นำใหม่ ภายหลังจากยานูโควิชถูกโค่นล้มในวันเสาร์ (22) ที่ผ่านมา