เอเอฟพี - เหล่าทูตตะวันตกในวันอังคาร (25) ตะเกียกตะกายหาทางพยุงเศรษฐกิจยูเครนไม่ให้ล่มสลาย ขณะที่รัสเซียเปลี่ยนท่าที ให้สัญญาจะไม่เข้าแทรกแซงวิกฤตของเคียฟ หลังจากประธานาธิบดีวิคตอร์ ยานูโควิช ผู้ฝักใฝ่มอสโกถูกโค่นลงจากอำนาจอย่างพลิกผัน เช่นเดียวกับฝั่งยุโรปที่ก็บอกว่าจะไม่ขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน สัญญาณแห่งการประนีประนอมท่ามกลางความกังวลต่อคำขู่แบ่งแยกดินแดน
นางแคทเธอรีน แอชตัน ประธานนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) เดินทางไปยังกรุงเคียฟ พบปะกับนายโอเล็กซานดร์ ตูร์ชีย์นอฟ แกนนำฝ่ายสนับสนุนยุโรปและเหล่าสมาชิกรัฐสภาที่ในวันอังคาร (25) เรียกร้องศาลอาญาระหว่างประเทศในเมืองเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ดำเนินคดีกับยานูโควิช
การเดินทางของเธอมีขึ้นขณะเหล่าผู้แทนจากสหรัฐฯ สหภาพยุโรปและรัสเซีย เจรจาหารือกันอย่างลับๆ เกี่ยวกับกรณีที่ยูเครน ร้องขอเงินช่วยเหลือ 25,000 ล้านยูโร เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลายและคำขู่แบ่งแยกดินแดนตามคำกล่าวอ้างของนายตูร์ซีย์นอฟ
“เราเสนอให้การสนับสนุนเพื่ออนาคต ไม่ใช่การแทรกแซง” นางแอชตันบอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงเคียฟ ท่ามกลางความกังวลว่าฝ่ายฝักใฝ่รัสเซียทางตะวันออกของยูเครน อาจโหมกระพือแบ่งแยกดินแดน หลังจากรัฐบาลที่ฝักใฝ่ตะวันตกเข้ามาบริหารประเทศ ตามหลังเหตุประท้วงยืดเยื้อนานหลายเดือน พร้อมย้ำถึงความสำคัญของสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย และความสำคัญที่ต้องธำรงสัมพันธ์นี้เอาไว้
เดิมที รัสเซีย แสดงปฏิกิริยาอันโกรธเกรี้ยวต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างฉับพลันของยูเครนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเป็นผลต่อเนื่องจากเหตุปะทะนองเลือดในกรุงเคียฟ คร่าชีวิตผู้คนเกือบ 100 ศพ พร้อมกล่าวหาผู้นำคนใหม่ของยูเครนว่าก่อกบฎด้วยกำลังอาวุธ
อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (25) นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย มีสุ้มเสียงอ่อนลง โดยบอกว่ายูเครนไม่ควรถูกบีบให้เลือกระหว่างรัสเซียและตะวันตก “เราขอยืนยันถึงจัดยืนในหลักการไม่เข้าแทรกแซงกิจการภายในของยูเครน” ลาฟรอฟ กล่าวหลังจากพูดคุยกับนายฌอง อัสเซลบอร์น รัฐมนตรีต่างประเทศลักเซมเบิร์ก “เราให้ความสนใจเรื่องที่ยูเครนอยากเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวยุโรป มันอันตรายและคงเป็นสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ หากบังคับให้ยูเครนต้องเลือก”
การประท้วงที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 เดือนนี้ มีชนวนเหตุจากกรณีที่นายยานูโควิช ตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงการค้าครั้งประวัติศาสตร์กับสหภาพยุโรปเมื่อเดือนพฤศจิกายน แล้วหันไปกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซียแทน
ทั้งนี้ระหว่างเหตุความไม่สงบได้มีสตาร์ดวงใหม่ปรากฎขึ้น นั่นก็คือนายวิตาลี คลิตช์โก อดีตแชมป์มวยโลกรุ่นเฮฟวีเวต ที่กลายเป็น 1 ใน 3 แกนนำหลักของผู้ชุมนุม และในวันอังคาร (25) เขาประกาศจะลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำหนดไว้ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้
ในวันเดียวกัน ทางรัฐสภาที่ฝ่ายค้านครองเสียงส่วนใหญ่ มีมติเลื่อนการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ออกไปจนถึงวันพฤหัสบดี (27) แต่ขณะเดียวกันก็มีการยกมือเห็นชอบให้เรียกร้องศาลอาญาระหว่างประเทศดำนินคดีกับนายยานูโควิช ฐานฆาตกรรมหมู่ผู้ประท้วง อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่มีข่าวว่าอดีตประธานาธิบดีรายนี้พยายามหลบหนีออกนอกประเทศที่เมืองโดเนตส์ค ทางภาคตะวันออกในวันเสาร์ (22) จนถึงตอนนี้เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
รัฐบาลใหม่จะต้องเผชิญกับงานท้าทายอันสาหัสในการพยุงเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพทางอาณาเขตของยูเครนก่อนถึงศึกเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ทางตะวันออกและใต้ของประเทศ ซึ่งคนส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย
“มีหลายแคว้นของรัสเซียที่พบเห็นสัญญาณอันตรายอย่างมากของการแบ่งแยกดินแดน” นายตูร์ชีย์นอฟ บอกกับรัฐสภาในวันอังคาร (25) พร้อมบอกว่าเขากำลังปรึกษากับกองกำลังด้านความมั่นคงในประเด็นนี้
ส่วนเหล่าชาติตะวันตกก็แสดงความกังวลเช่นกันว่ายูเครนอาจถูกแบ่งเป็นสองระหว่างฝ่ายสนับสนุนรัสเซียกับฝ่ายฝักใฝ่อียู “เราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงสงครามกลางเมือง เราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการล่มสลายทางการเงินและเศรษฐกิจ และเราจำเป็นต้องมีการจัดประชุมนานาชาติเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลายของยูเครน” อีวานเจลอส เวนิเซลอส รัฐมนตรีต่างประเทศกรีซ ในฐานะประธานหมุนเวียนของอียูระบุ
ขณะเดียวกัน ก็มีความเคลื่อนไหวของชาติตะวันตกในความพยายามหาทางช่วยเหลือยูเครน โดยนายวิลเลียม เบิร์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางถึงกรุงเคียฟในวันอังคาร (25) ส่วนวิลเลียม เฮก มีคิวหารือกับนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯและกองทุนการเงินระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตัน
ความไม่พอใจของรัสเซียต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในชาติเพื่อนบ้าน แปรเปลี่ยนเป็นความกังวลว่า มอสโก อาจตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงปล่อยกู้ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯแก่เคียฟ ที่แถลงเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน หลังจากเพิ่งโอนเงินให้งวดเดียวจำนวน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ยูรีย์ โคโลบอฟ รักษาการรัฐมนตรีการคลังของยูเครน บอกว่ายูเครนอาจต้องการความช่วยเหลือด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค สูงถึง 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงสิ้นปีหน้า และเรียกร้องขอให้มีการเปิดประชุมของเหล่าชาติผู้บริจาค อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (25) นางแอชตัน ไม่ได้ให้คำมั่นอย่างเป็นรูปธรรมต่อความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ ด้วยบอกว่ามีเพียงกองทุนการเงินระหว่างประเทศเท่านั้น ที่แสดงความประสงค์มอบความช่วยเหลือ