เอเอฟพี - รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมถอนคำสั่งอพยพในพื้นที่บางส่วนรอบๆ โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะไดอิจิ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถหวนกลับไปยังบ้านเรือนของตนได้เป็นครั้งแรก หลังต้องอพยพหนีตายจากวิกฤตนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่ปะทุขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011
เจ้าหน้าที่ประจำคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า “คำสั่งอพยพจะถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เมษายนนี้ โดยมีผลกับชาวบ้านราว 300 คน” ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บางส่วนของเมืองทามุระ ซึ่งห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไปทางตะวันตกราว 20 กิโลเมตร
ภายใน 2 ปีข้างหน้า ชาวบ้านราว 30,000 คนจะได้รับอนุญาตให้กลับไปยังบ้านเรือนของตนในเขตอพยพที่รัฐบาลประกาศอยู่ในเวลานี้ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนได้รับอันตรายจากกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลออกมา
คำสั่งของรัฐบาลมีขึ้นท่ามกลางการถกเถียงในหมู่ผู้ประสบภัย ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจว่าจะกลับไปอาศัยในบ้านเดิมหรือไม่ ชาวบ้านหลายคนยังคงกลัวกัมมันตภาพรังสีระดับต่ำที่อาจตกค้างอยู่ แม้ทางการจะพยายามเร่งกำจัดแล้วก็ตาม
ภายใต้ข้อกำหนดของรัฐบาลญี่ปุ่น พื้นที่ที่จะประกาศให้ชาวบ้านกลับไปอยู่อาศัยได้จะต้องมีความเสี่ยงต่อการได้รับรังสีไม่เกิน 20 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี
เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นระบุว่า พวกเขาตั้งเป้าที่จะลดระดับความเสี่ยงรังสีให้เหลือเพียงไม่เกิน 1 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี
องค์การป้องกันอันตรายจากรังสีระหว่างประเทศ (International Commission on Radiological Protection) แนะนำเกณฑ์สูงสุดของการได้รับรังสีทุกประเภทไม่เกิน 1 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี แต่หากได้รับไม่เกิน 100 มิลลิซีเวิร์ตต่อปีก็ยังไม่พบความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งอย่างมีนัยยะสำคัญ
ด้านสถาบันวิทยาศาสตร์รังสีแห่งชาติญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เครื่องซีทีสแกนที่ใช้ในโรงพยาบาลจะปลดปล่อยรังสีออกมาครั้งละประมาณ 10 มิลลิซีเวิร์ต
เจ้าหน้าที่ประจำคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นชี้ว่า หลังจากคำสั่งอพยพถูกยกเลิกแล้ว ประชาชนสามารถเลือกได้ว่าจะกลับไปอาศัยอยู่ในบ้านเดิมของตนหรือไม่ โดยรัฐบาลและบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เท็ปโก) จะยังจ่ายเงินชดเชยให้ตามปกติ จากกรณีการสูญเสียบ้านเรือนและอาชีพที่มีสาเหตุจากภัยพิบัตินิวเคลียร์
“แต่เงิน 100,000 เยนที่เป็นค่าชดเชยความเครียดจะถูกระงับ หากผู้เสียหายเลือกที่จะกลับไปอาศัยในบ้านเดิม” เขากล่าว
ปัจจุบันยังมีชาวญี่ปุ่นที่พลัดบ้านเรือนจากคำสั่งอพยพราว 100,000 คน แม้เหตุการณ์สึนามิที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 18,000 รายจะผ่านพ้นมานานเกือบ 3 ปีแล้วก็ตาม