เอเอฟพี – อยาตอลเลาะห์ คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน เตือนว่าการเจรจานิวเคลียร์กับชาติมหาอำนาจ “จะไม่ได้อะไรขึ้นมา” แต่ก็ไม่ขัดขวางหากฝ่ายบริหารต้องการที่จะทำ
การเจรจารอบใหม่ระหว่างอิหร่านกับมหาอำนาจกลุ่ม P5+1 ซึ่งได้แก่ สหรัฐฯ, รัสเซีย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, จีน บวกด้วยเยอรมนี กำลังจะเปิดฉากขึ้นอีกครั้งในวันนี้ (18 ก.พ.) ที่กรุงเวียนนาของออสเตรีย โดยฝ่ายมหาอำนาจนั้นหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์เพื่อควบคุมกิจกรรมนิวเคลียร์ของเตหะรานอย่างถาวร
จากความพยายามที่ล้มเหลวมานับสิบปี ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ จึงตั้งความหวังกับการเจรจาครั้งนี้ไว้เพียง 50-50 ขณะที่ จาวัด ซาริฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านก็ชี้ว่า การหารือน่าจะมีอุปสรรคอยู่มากพอสมควร
คอเมเนอี มีถ้อยแถลงผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว Khamenei.ir ว่า “ข้าพเจ้าขอกล่าวย้ำอีกครั้งว่า ข้าพเจ้าไม่คาดหวังอะไรกับการเจรจาครั้งนี้ ซึ่งคงจะไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ข้าพเจ้าก็ไม่คัดค้าน”
ภายใต้ข้อตกลงชั่วคราวระหว่างอิหร่านกับ P5+1 เมื่อเดือนพฤศจิกายน อิหร่านรับปากว่าจะระงับกิจกรรมนิวเคลียร์บางส่วนเป็นเวลา 6 เดือน ขณะที่ชาติตะวันตกก็จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนเป็นการตอบแทน อีกทั้งจะไม่ออกข้อจำกัดใหม่ๆเพื่อกดดันอิหร่านทางเศรษฐกิจ
ตะวันตกและอิสราเอลกล่าวหาว่าอิหร่านลักลอบพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูงควบคู่ไปกับโครงการนิวเคลียร์เพื่อพลเรือน ซึ่งเป็นสิ่งที่เตหะรานปฏิเสธเสียงแข็งตลอดมา
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ระบุวานนี้ (17) ว่าอิหร่านจะได้ประโยชน์จากการเจรจาครั้งนี้เพียงฝ่ายเดียว พร้อมตำหนิเตหะรานว่า “ยังแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวข่มขู่ไม่เลิก”
ชาติมหาอำนาจหวังว่าการเจรจาครั้งนี้จะนำไปสู่ข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ที่จะทำให้อิหร่านลดกิจกรรมนิวเคลียร์ลงอย่างถาวร ซึ่งหากประสบผลสำเร็จก็จะเริ่มบังคับใช้ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้
นักการทูตชี้ว่า ข้อตกลงฉบับสมบูรณ์อาจวางเงื่อนไขให้อิหร่านปิดโรงงานนิวเคลียร์ใต้ดินฟอร์โด, ลดจำนวนเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ที่ใช้เสริมสมรรถนะยูเรเนียม, ลดปริมาณวัสดุฟิสไซล์ในคลัง และปรับเปลี่ยนเตาปฏิกรณ์ตัวใหม่ซึ่งกำลังสร้างที่โรงงานอารัค และหากอิหร่านยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งหมดนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ, สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ก็จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านทั้งหมด
ผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าวด้วยว่า “แผนงานที่กระทรวงการต่างประเทศริเริ่มจะดำเนินต่อไป และอิหร่านจะไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้ แต่ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า มันจะไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก”
“อิหร่านจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อการข่มขู่หรือแบล็กเมล์ของอเมริกา... ปัญหานิวเคลียร์เป็นเพียงข้ออ้างของอเมริกาที่สร้างความเป็นปรปักษ์ และเวลานี้โฆษกรัฐบาลอเมริกันก็กำลังหยิบยกเรื่องสิทธิมนุษยชนและขีปนาวุธมาเป็นประเด็นใหม่”
นักวิเคราะห์มองว่า คำพูดของคอเมเนอีเป็นคำเตือนที่ฝากไปถึงวอชิงตัน
“อยาตอลเลาะห์ คอเมเนอี ต้องการย้ำว่าอิหร่านจะยังเจรจาด้วยตราบใดที่อยู่บนพื้นฐานของการได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย” อามีร์ โมฮีเบียน นักวิเคราะห์ผู้ใกล้ชิดกับบรรดานักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมอิหร่าน ให้สัมภาษณ์
“การเจรจาอาจจบสิ้นลงทันทีหากตะวันตกไม่เคารพกติกาข้อนี้ และสหรัฐฯ จะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบด้วย”