xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ออสซี่วิ่งโร่แก้ตัว อ้าง “สอดแนม” แดนอิเหนาเพื่อช่วยเพื่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ ขณะกล่าวในพิธีนับถอยหลังหนึ่งปี สู่การแข่งขัน ไอซีซี คริกเก็ตเวิลด์คัพ 2015 ที่นครซิดนีย์
เอเอฟพี – นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลียแถลงวันนี้ (16 ก.พ.) ว่ารัฐบาลของเขาใช้เครื่องมือด้านข่าวกรองที่มี “เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้เพื่อน” และ “เพื่อส่งเสริมค่านิยม” หลังมีรายงานออกมาอีกระลอกว่า ประเทศนี้ลอบสอดแนมอินโดนีเซีย

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับบรรดาประเทศเพื่อนบ้านถลำลงสู่จุดต่ำสุดในรอบหลายปี หลังมีรายงานออกมาว่า ออสเตรเลียลอบดักฟังโทรศัพท์ของประธานาธิบดี ซูชิโล บัมบัง ยุโธโยโน และภริยา ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนเมื่อปี 2009

จาการ์ตาได้ออกมาตอบโต้อย่างดุเดือดต่อข้อกล่าวหานี้ ซึ่งอ้างอิงจากเอกสารที่ “จอมแฉ” เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตพนักงานสัญญาจ้างของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ นำมาเปิดโปง พร้อมทั้งเรียกตัวเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียซึ่งประจำในออสเตรเลียกลับประเทศ และระงับการให้ความร่วมมือกับออสเตรเลียในด้านที่สำคัญต่างๆ เป็นต้นว่า การป้องกันการลักลอบหนีเข้าประเทศ

ข้อกล่าวหาระลอกใหม่ที่หนังสือพิมพ์ “นิวยอร์กไทมส์” ตีพิมพ์เผยแพร่วันนี้ (16) ระบุว่า หน่วยงานบางแห่งของออสเตรเลียได้ลอบสอดแนมบรรดาเจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย ในช่วงที่แดนอิเหนากำลังเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ทั้งยังเสนอจะแบ่งปันข้อมูลที่ได้ให้แก่สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม แอ็บบอตต์ไม่ได้ยืนยันว่ารายงานข่าว ซึ่งอ้างอิงจากเอกสารลับของสโนว์เดนเช่นกันเป็นความจริง ทั้งนี้รายงานดังกล่าวระบุว่า กรมสื่อสารออสเตรเลียได้ลอบดักฟังบทสนทนาระหว่างที่อินโดนีเซียกำลังเจรจาการค้ากับเหล่าทนายความชาวอเมริกัน ทั้งยังเสนอจะมอบข้อมูลที่รวบรวมได้ให้แก่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ)

“เราไม่เคยแสดงความคิดเห็นในเรื่องข่าวกรองเชิงปฏิบัติการ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่รัฐบาลออสเตรเลียทุกชุดยึดถือมานานแล้ว” แอ็บบอตต์กล่าวกับบรรดาผู้สื่อข่าว
ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน และอดีตนายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ขณะแถลงข่าวร่วมที่ออสเตรเลีย เมื่อปี 2010
อย่างไรก็ดี แอ็บบอตต์กล่าวว่าออสเตรเลีย “ไม่ได้ใช้ข้อมูลที่เรารวบรวมเพื่อรักษาความมั่นคงในประเทศของเรา หรือใช้ปฏิบัติการหาข่าวกรองเพื่อบ่อนทำลายประเทศอื่นๆ”

“เราใช้ข้อมูลที่ได้เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้เพื่อนของเรา ใช้เพื่อส่งเสริมค่านิยมของเรา” เขาเน้นย้ำ

“เราใช้ข้อมูลที่ได้มาเพื่อปกป้องพลเมืองของเรา และพลเมืองของประเทศอื่นๆ ไม่ได้นำมาใช้เพื่อจุดประสงค์เชิงพาณิชย์อย่างแน่นอน”

การเปิดโปงครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นในเวลาที่ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เดินทางเยือนชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ และในช่วงที่สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างแดนจิงโจ้กับแดนอิเหนากำลังระอุคุกรุ่นในเรื่องที่ออสเตรเลียดำเนินปฏิบัติการทางทหารขั้นรุนแรงเพื่อผลักดันผู้อพยพที่ลักลอบเข้าประเทศทางเรือ กลับอินโดนีเซีย

อย่างไรก็ดี เอกสารลับสุดยอดปี 2013 ฉบับนี้ ซึ่งอยู่ในมือหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ไม่ได้ระบุว่า ออสเตรเลียลอบสอดแนมการเจรจาการค้าครั้งไหน และไม่ได้บอกชื่อสำนักงานกฎหมายของสหรัฐฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียได้เจรจาการค้าร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อส่งออกบุหรี่กานพลูและกุ้ง

ทั้งนี้ มีรายงานออกมาว่า มาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียกล่าวว่า เขาจะยกนโยบายผลักดันผู้แสวงหาที่พักพิงของออสเตรเลียขึ้นหารือกับ เคร์รี พร้อมระบุว่านโยบายเหล่านี้ “ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์”

ในช่วงดำเนินปฏิบัติการลาดตระเวนทางทะเล ออสเตรเลียได้ส่งเรือรบเข้าไปในน่านน้ำของอินโดนีเซียหลายครั้ง ซึ่งนับเป็นบททดสอบสายสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ แม้ว่าแดนจิงโจ้จะเน้นย้ำว่า การบุกรุกอาณาเขตเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น