รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 130 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 104 นาย ในวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.) หลังเกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่เมืองทุซลาในบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา โดยชนวนเหตุของการประท้วงเกิดจากความไม่พอใจของประชาชนต่อปัญหาการว่างงาน และความเฉื่อยชาในการแก้ปัญหาของบรรดาผู้มีอำนาจทางการเมือง
รายงานข่าวระบุว่า ตำรวจบอสเนียระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคน ที่ขว้างปาก้อนหิน ไข่ และระเบิดเพลิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่บริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการของรัฐบาลท้องถิ่นในเมืองทุซลา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็น “หัวใจสำคัญ” ในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางภาคเหนือของบอสเนีย แต่กลับต้องเผชิญกับการปิดตัวของโรงงานอย่างต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำในช่วงไม่กี่ปีมานี้
โฆษกตำรวจเมืองทุซลาเผยว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในช่วงค่ำของวันพฤหัสบดี (6) ตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากพบว่ากลุ่มผู้ประท้วงเริ่มแสดงพฤติกรรมรุนแรงทั้งการทุบทำลายหน้าต่างของร้านค้าต่างๆ ทำลายรถยนต์และจุดไฟเผาถังขยะที่เป็นทรัพย์สินของทางการ
ขณะที่หน่วยงานบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจำนวน 104 นาย และพบพลเรือนอีกราว 30 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
การประท้วงซึ่งแปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรงที่เมืองทุซลาครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ประชาชนจำนวนหลายร้อยคน ได้ออกมารวมตัวกันที่กรุงซาราเยโว เมืองหลวงของประเทศ รวมถึงอีกหลายเมืองสำคัญของบอสเนียไม่ว่าจะเป็นที่เมืองเซนิกา, บิฮัช และมอสตาร์
รายงานข่าวระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชาชนออกมารวมตัวประท้วงต่อต้านรัฐบาลในหลายเมืองทั่วบอสเนียขณะนี้มีจุดเริ่มต้นจากกลุ่มคนงานที่โดนปลดออกจากบริษัทของรัฐหลายแห่งที่ถูกขายให้กับนักลงทุนเอกชน โดยที่คนงานเหล่านี้ถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับเงินชดเชยใดๆ ทั้งจากรัฐบาลและเจ้าของใหม่
ขณะเดียวกัน การประท้วงของกลุ่มคนงานรัฐที่ถูกลอยแพอย่างไม่เป็นธรรมครั้งนี้ยังดึงดูดให้กลุ่มผู้ว่างงานจำนวนหลายพันคนในเมืองต่างๆ รวมถึงกลุ่มเยาวชนออกมาร่วมประท้วงต่อต้านรัฐบาลด้วยเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ บอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา อดีตดินแดนที่ต้องเผชิญสงครามกลางเมืองระหว่างปี 1992-1995 กำลังเผชิญกับความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราการว่างงานของประเทศล่าสุดได้พุ่งสูงจนแตะระดับ 27.5 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว ซึ่งถือเป็นอัตราว่างงานที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในคาบสมุทรบอลข่าน