เอเอฟพี - ทนายของอดีตผู้นำชาวเซิร์บในบอสเนีย “ราโดวาน คารัดซิค” พยายามหาช่องทางที่จะให้ลูกความของเขาพ้นผิด ด้วยการออกมาระบุในวันนี้ (2 ต.ค.) ว่าลูกความของเขาไม่มีส่วนรู้เห็นกับการสังหารหมู่ชาวมุสลิมหลายพันคนเมื่อปี 1995
ปีเตอร์ โรบินสัน ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายของคารัดซิคบอกต่อศาลอาชญากรรมสงครามของสหประชาชาติ กรณียูโกสลาเวีย ที่กรุงเฮก ว่าไม่มีหลักฐานแม้แต่ชิ้นเดียวที่จะบ่งชี้ว่าคารัดซิควางแผน สั่งการ หรือมีส่วนรู้เห็นในการสังหารนักโทษที่เซเบรนิกา
“ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ครั้งนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีความผิดสำหรับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” โรบินสันกล่าวสรุปต่อหน้าศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย
คารัดซิค ในวัย 69 ปี ครั้งหนึ่งเคยเป็นบุคคลที่ยุโรปต้องการตัวมากที่สุด เขาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การก่ออาชญากรรมสงครามและก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อันเนื่องมาจากบทบาทหน้าที่ของเขาในการสู้รบในแถบคาบสมุทรบอลข่านช่วงยุคปี 1990
คารัดซิคถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในจอมบงการก่อเหตุสังหารคนต่างเชื้อชาติในระหว่างที่มีสงครามกลางเมืองในบอสเนีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 แสนราย และต้องลี้ภัยกว่า 2.2 ล้านคน
ประธานาธิบดีของอดีตเขตปกครองตนเองของชาวเซิร์บในบอสเนีย ต้องเผชิญกับ 11 ข้อหา ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หลังจากถูกกล่าวหาว่ามีบทบาทสำคัญในการสังหารหมู่ที่เซเบรนิกา
เหตุการณ์ครั้งนั้นมีชายชาวมุสลิมเกือบ 8 พันคนถูกสังหารและนำศพไปทิ้งไว้รวมกันในหลุมขนาดมหึมา หลังจากที่กองกำลังของชาวเซิร์บในบอสเนียได้บุกเข้าพื้นที่ในภาคตะวันออกของบอสเนียซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของสหประชาชาติ
เหตุการณ์สังหารโหดคราวนั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในการนองเลือดที่รุนแรงที่สุดในดินแดนยุโรป นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่การพิจารณาคดีได้ดำเนินการมา 5 ปีแล้ว
“ถ้าคารัดซิคมีความผิดจริง เกี่ยวกับการสังหารที่เซเบรนิกา พวกคุณคงต้องได้ยินอะไรที่มันมากกว่าสิ่งที่อัยการได้นำเสนอมาตลอด 5 ปีของการพิจารณาคดี” โรบินสัน กล่าวต่อผู้พิพากษา 4 คนบนบัลลังก์
“ไม่มีพยานแม้แต่คนเดียวที่จะพิสูจน์ได้ว่า ราโดวาน คารัดซิค วางแผนหรือสั่งการ หรือแม้กระทั่งรับรู้ถึงการสังหารนักโทษที่เซเบรนิกา ถ้าคุณเห็นด้วยกับการทำตัวเป็นศาลเตี้ยของฝ่ายอัยการ นั่นเท่ากับพวกคุณกำลังจะตัดสินลงโทษคนบริสุทธิ์” ทนายกล่าว
ก่อนหน้านี้ โรบินสันยังได้ขอให้ผู้พิพากษายกคำร้องสำหรับอีกหนึ่งข้อหาของคารัดซิค ที่เกี่ยวกับอาชญากรรมในเขตเทศบาลเมืองของบอสเนียเมื่อปี 1992
ขณะเดียวกัน คารัดซิคในชุดสูทสีดำยับยู่ยี่ กับเสื้อเชิ้ตสีขาว เนกไทสีน้ำตาลแดง และผมหงอกขาวที่จัดทรงมาเป็นอย่างดีอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ก็กำลังฟังโรบินสันพูดอย่างตั้งใจ
ก่อนหน้านี้ คารัดซิคได้บอกต่อศาลเมื่อวันพุธ (1 ต.ค.) ว่าเขานั้นเป็น “เพื่อนแท้” ของชาวมุสลิมในบอสเนีย
คารัดซิคพร้อมจะแสดงความรับผิดชอบด้านศีลธรรมที่เกิดจากฝีมือชาวเซิร์บในบอสเนียช่วงที่มีสงคราม แต่ก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่มีต่อเขา โดยอ้างว่าตัวเขาเองนั้นบริสุทธิ์ กระนั้นคารัดซิคก็ยังขอโทษต่อเหยื่อ พร้อมกับยอมรับว่าเป็นความรับผิดชอบของเขาในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีในเวลานั้น
บรรดาอัยการผู้รวบรวมสำนวนข้อโต้แย้งในคดีนี้ ระบุเมื่อวันอังคาร (30 ก.ย.) ว่าชีวิตในห้องขังคือการลงโทษที่สาสมกับเขา
เหล่าอัยการต่างระบุว่า คารัดซิค พร้อมด้วยประธานาธิบดีเซอร์เบีย “สโลโบดัน มิโลเซวิช” และนายพลของชาวเซิร์บในบอสเนีย “รัตโก มลาดิช” ได้ร่วมกันกระทำการกวาดล้างชาวมุสลิมและโครแอตในเขตปกครองตนเองของชาวเซิร์บที่บอสเนีย หลังการล่มสลายของยูโกสลาเวีย
คารัดซิคยังต้องเผชิญหน้ากับอีกหลายข้อหาที่เกี่ยวกับการปิดล้อมกรุงซาราเยโวนานถึง 44 เดือน ซึ่งสิ้นสุดลงในเดือนพฤศจิกายน ปี 1995 โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 10,000 ราย
คารัดซิคถูกจับกุมตัวได้ในเดือนกรกฎาคม ปี 2008 บนรถบัสในนครเบลเกรด การพิจารณาคดีของเขาเริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคมของปีถัดมา
ด้านมิโลเซวิช เสียชีวิตในเดือนมีนาคมปี 2006 ระหว่างการพิจารณาคดี ส่วนทางมลาดิชได้เริ่มพิจารณาคดีเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2012