เอเอฟพี - เกิดเหตุเรือลำเลียงสินค้าของสเปนพุ่งชนเขื่อนกั้นน้ำจนแตกเป็นสองท่อน ในบริเวณใกล้กับท่าเรือบายอนของฝรั่งเศสเมื่อวานนี้ (5 ก.พ.) ในเวลาที่สภาพอากาศอันโหดร้ายกำลังแผ่ปกคลุมแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของยุโรป
ศาลาเทศบาลเมืองที่เกิดเหตุระบุว่า เรือที่มีลูกเรือโดยสารมาทั้งสิ้น 11 คนลำนี้ได้พุ่งชนเขื่อนกั้นน้ำขณะเผชิญกับคลื่นลมรุนแรงในทะเลใกล้เมืองอ็องเกลต์ ระหว่างมุ่งตรงไปยังท่าเรือบายอน ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส
ศาลากลางจังหวัดปีเรเน-อัตลองติกส์ เปิดเผยว่า พื้นที่นี้กำลังประสบกับ “ภาวะขาดแคลนไฟฟ้าใช้โดยสมบูรณ์”
นอกจากนี้ ศาลากลางยังระบุด้วยว่า ปฏิบัติการช่วยชีวิตบรรดาลูกเรือทางอากาศ ดำเนินไปอย่างยากลำบากเนื่องจากต้องเผชิญกับกระแสลมที่มีความเร็วถึง 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เจ้าหน้าที่ว่า ได้ตรวจพบและจัดการกับน้ำมันที่รั่วไหลออกมาจากเรือ และปฏิบัติตามแผนการฉุกเฉินที่มีชื่อว่า “โปลมาร์” เพื่อรับมือกับมลภาวะในท้องทะเลแล้ว
อย่างไรก็ตาม เฟรเดริก กูวีลิเยร์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมแดนน้ำหอมซึ่งรุดไปยังที่เกิดเหตุชี้ว่า ความเสี่ยงที่จะเกิด “มลภาวะในปริมาณมหาศาล” อาจจะไม่เกิดขึ้น
ศาลากลางเผยว่ามี มีลูกเรือคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากอุบัติเหตุครั้งนี้ และไม่มีใครตกค้างอยู่บนเรือขนสินค้า “ลูโน” ที่มีความยาว 100 เมตรลำนี้แล้ว
ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุเล่าว่า เขาเห็นซากเรือครึ่งหนึ่งค้างอยู่บนสันเขื่อน ขณะที่อีกครึ่งอยู่บนชายหาดในเมืองอ็องเกลต์ ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมของผู้ที่มาเล่นกระดานโต้คลื่นในฝรั่งเศส
ฌ็อง เอสปีลอนโด นายกเทศมนตรีเมืองอ็องเกลต์กำลังตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดเรือลำนี้จึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังท่าเรือในเวลาที่สภาพอากาศเลวร้าย
นอกจากนี้ เขายังเสริมด้วยว่า ตามที่จริงควรจะต้องรอให้คลื่นลมสงบลงก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าถังน้ำมันของเรือจะไม่ได้รับความเสียหาย
ก่อนหน้านี้ “เมเตโอฟร็องซ์” กรมอุตุนิยมวิทยาฝรั่งเศสได้ประกาศให้ 9 แคว้นในภาคเหนือของประเทศ และตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นพื้นที่ประสบภัยสภาพอากาศเลวร้าย
เมื่อวันอังคาร (4) ที่แคว้นบริตตานี (เบรอตาญ) ประชาชนราว 25,000 คนต้องอยู่อาศัยโดยไม่มีไฟฟ้าใช้ ภายหลังได้รับอิทธิพลจากกระแสลมแรงจากพายุเภตราในมหาสมุทรแอตแลนติก ที่สร้างความเสียหายแก่พื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ