เอเอฟพี – การประชุมสันติภาพซีเรียรอบสองที่นครเจนีวาปิดฉากลงเมื่อวานนี้(31) โดยไร้ซึ่งความคืบหน้าใดๆ ขณะที่ผู้แทนรัฐบาลซีเรียไม่รับปากว่าจะเข้าร่วมการประชุมรอบใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์นี้หรือไม่
ที่ประชุมสันติภาพไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลและฝ่ายกบฏ ไม่มีการพูดคุยเรื่องจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนผ่าน ส่วนการเจรจาเพื่อขอเปิดทางส่งความช่วยเหลือเข้าไปยังเมืองฮอมส์ซึ่งเป็นเมืองตอนกลางของซีเรียที่กบฏยึดครองอยู่ ก็ไม่ได้ข้อสรุปอีกเช่นกัน
สถานการณ์ยิ่งดูไร้ความหวัง เมื่อศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งเป็นองค์กรที่เอียงข้างกบฏรายงานว่า มีชาวซีเรียถูกสังหารไปร่วม 1,900 คนในช่วง 1 สัปดาห์ที่มีการประชุมสันติภาพเกิดขึ้น
รัฐบาลสหรัฐฯเตือนให้ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียระวังผลที่จะตามมา หากไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงนานาชาติว่าด้วยการทำลายคลังอาวุธเคมี
การประชุมแบบปิดที่นครเจนีวาตลอดทั้งสัปดาห์นี้สิ้นสุดลง โดยทั้งฝ่ายรัฐบาลและกบฏซีเรียต่างกล่าวโทษซึ่งกันและกันว่าเป็นต้นเหตุให้พลเรือนถูกสังหารหมู่ไปถึง 130,000 คน นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองขับไล่ อัสซาด ปะทุขึ้นเมื่อต้นปี 2011
ผู้แทนฝ่ายกบฏยืนยันว่า เนื้อหาของแถลงการณ์เจนีวาเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2012 ซึ่งว่าด้วยการจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนผ่าน กำหนดให้ประธานาธิบดี อัสซาด ต้องสละอำนาจด้วย ทว่าผู้แทนฝ่ายซีเรียปฏิเสธโดยสิ้นเชิง พร้อมชี้ว่าวัตถุประสงค์หลักของการประชุมสันติภาพที่เจนีวาก็คือการยุติความรุนแรงและ “การก่อการร้าย” ที่ดามัสกัสอ้างว่าเป็นฝีมือของฝ่ายกบฏ
ลักดาร์ บราฮิมี ผู้แทนพิเศษองค์การสหประชาชาติและสันนิบาตอาหรับว่าด้วยกรณีซีเรีย ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในการเชิญผู้แทนอัสซาดและกบฏมาพูดคุยกันเป็นครั้งแรก ยืนยันว่าจะมีการจัดประชุมรอบสองในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้
อย่างไรก็ตาม วาลิด มูอัลเลม รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศซีเรียกลับชี้ว่า การประชุมที่นครเจนีวา “ไร้ผลอย่างเป็นรูปธรรม” และรัฐบาลซีเรียจะขอพิจารณาอีกครั้งว่าสมควรเข้าร่วมเจรจาต่อในรอบสองหรือไม่
ท่าทียึกยักของผู้แทนซีเรียทำให้พวกที่สนับสนุนฝ่ายกบฏในสหรัฐฯออกมาวิจารณ์อย่างหนัก โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เอ็ดการ์ แวนเควซ ตำหนิว่า “รัฐบาลอัสซาดยังคงเล่นเกมไม่เลิก”
อะหมัด จาร์บา ผู้นำแนวร่วมแห่งชาติซีเรีย (National Coalition) ซึ่งเป็นองค์กรกลางของฝ่ายกบฏ ยืนยันว่าคณะผู้แทนของเขาพร้อมจะเจรจาต่อ แม้การคุยกับฝ่ายรัฐบาลเป็นครั้งแรกจะให้ความรู้สึกขื่นขมไม่ต่างจาก “ดื่มยาพิษ” ก็ตาม ถึงกระนั้นก็มีเงื่อนไขว่า จะต้องมีมาตรการปกป้องสมาชิกกบฏซึ่งอยู่ในพื้นที่สู้รบด้วย
ขณะเดียวกันก็มีรายงานจากสื่อซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันว่า สภาคองเกรสสหรัฐฯ ลงมติเห็นชอบอย่างลับๆ ให้ส่งอาวุธเข้าไปสนับสนุนฝ่ายกบฏซีเรีย “สายกลาง” บางกลุ่ม
ผู้นำแนวร่วมแห่งชาติซีเรียมีกำหนดเดินทางไปยังรัสเซียในวันอังคารนี้(4) ซึ่งเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯก็ออกมาชื่นชมแผนการเดินทางดังกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า “รัสเซียตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของแนวร่วมแห่งชาติซีเรียในการคลี่คลายความขัดแย้ง”
บราฮิมี เรียกร้องให้สหรัฐฯ รัสเซีย และมหาอำนาจอื่นๆใช้อิทธิพลที่มีอยู่ผลักดันให้เหตุการณ์นองเลือดในซีเรียยุติลงโดยเร็ว
จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ที่กรุงเบอร์ลินว่า รัฐบาลซีเรียยังไม่ปฏิบัติตามกรอบเวลาที่สหรัฐฯและรัสเซียกำหนดขึ้นในการขนส่งอาวุธเคมีออกไปทำลายนอกประเทศ พร้อมชี้ว่าสงครามกลางเมืองซีเรียกำลัง “บั่นทอนเสถียรภาพ” ของภูมิภาคตะวันออกกลางโดยรวม