เอเอฟพี – มีความคาดหมายกันว่าการเจรจาสันติภาพซีเรียที่นครเจนีวา วันนี้ (27 ม.ค.) จะเดินหน้าไปอย่างเข้มข้นมากขึ้น ในเวลาที่ทุกฝ่ายเริ่มมุ่งความสนใจไปที่ประเด็นการเมือง ขณะที่กบฏเร่งผลักดันให้ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียก้าวลงจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ ระบอบปกครองซีเรียได้ขัดขวางไม่ให้มีการพูดคุยเรื่องขับประธานาธิบดีอัสซาดออกจากตำแหน่ง และ 2 วันแรกของการประชุมที่มีองค์การสหประชาชาติเป็นผู้สนับสนุนครั้งนี้ยังให้มุ่งความสำคัญไปที่ประเด็นปัญหาด้านมนุษยธรรมเป็นหลัก
สำหรับประเด็นที่ได้รับการผลักดันอย่างเป็นรูปธรรมเป็นสิ่งแรกในประชุมครั้งนี้คือ การที่ระบอบปกครองอัสซาดยอมเปิดทางให้ผู้หญิง และเด็กอพยพออกจากพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏในเมืองฮอมส์ซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีได้อย่างปลอดภัย ลัคดาร์ บราฮิมี ผู้แทนสันติภาพจากยูเอ็นกล่าววานนี้ (26)
อย่างไรก็ตาม ลูไอ ซอฟี โฆษกของกลุ่มกบฏเผยว่า ตอนนี้ถึงเวลาที่จะ “เริ่มหารือกันเรื่องการเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการไปสู่ระบอบประชาธิปไตย”
ในวันนี้ (27) เขากล่าวว่า “เราจะต้องมาดูกันว่า ระบอบปกครองต้องการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการทางการเมือง หรือจะยังคงใช้วิธีการทางทหารตามเดิม”
เนื่องจากมีองค์การสหประชาชาติ รัสเซีย และสหรัฐฯ ออกโรงเกลี้ยกล่อม ทั้งสองฝ่ายจึงมาร่วมโต๊ะเจรจากันเพื่อหาหนทางยับยั้งเหตุนองเลือดในซีเรีย หลังเกิดสงครามกลางเมืองมาเกือบ 3 ปี
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหลังระบอบปกครองอัสซาดปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์อาหรับสปริง ได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่า 130,000 ราย ทั้งยังบีบให้ชาวซีเรียอีกหลายล้านคนต้องละทิ้งบ้านเรือนของตน
บราฮิมี ผู้ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างทั้งสองฝ่ายกล่าวว่าเขารู้สึกพอใจกับบรรยากาศในการเจรจา และทั้งสองฝ่ายปฏิบัติต่อกัน “ด้วยความเคารพ”
อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่ากระบวนการนี้มีความยากลำบาก และทั้งสองฝ่ายก็เดินหน้าไปอย่างล่าช้า
ฝ่ายระบอบปกครองซีเรียวานนี้ (26) ได้ให้สัญญาว่า จะอนุญาตให้ผู้หญิงและเด็กออกจากพื้นที่ยึดครองในเมืองฮอมส์ ทำให้หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยเริ่มมองเห็นความหวัง ขณะที่คนยางส่วนในพื้นที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก
ทั้งนี้ ย่านเมืองเก่าของฮอมส์ได้ถูกปิดล้อมโจมตีมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2012 หลังเกิดการลุกฮือขึ้นต่อต้านระบอบปกครองดามัสกัส โดยชาวบ้านประมาณ 500 ครอบครัวต้องเอาชีวิตรอดจากเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นแทบไม่เว้นแต่ละวัน ตลอดจนภาวะขาดแคลนสิ่งของจำเป็น
บราฮิมีได้เน้นย้ำถึงความหวังของเขาวานนี้ (26) ว่าขบวนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะเข้าสู่พื้นที่ที่ถูกปิดล้อมวันนี้ (27) พร้อมทั้งระบุว่า กองกำลังฝ่ายกบฏยินยอมแล้ว และผู้ว่าราชการการในพื้นที่ดังกล่าวกำลังพิจารณาประเด็นนี้
นอกจากนี้ ในการเจรจากันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26) ยังมีกล่าวถึงการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยกบฏกล่าวว่าตอนนี้พวกเขามีรายชื่อเบื้องต้นของนักโทษ 47,000 คนที่ถูกรัฐบาลซีเรียจับกุม โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้หญิงและเด็กรวม 2,300 คน ซึ่งพวกเขาส่งชื่อไปแล้ว
ทางด้านเจ้าหน้าที่ของระบอบปกครองซีเรีย กล่าวว่า พวกเขาต้องการรายชื่อนักโทษที่ถูกกบฏจับตัวเช่นกัน พร้อมทั้งย้ำว่าประเด็นปัญหานี้ควรมีการหารือกันอย่าง “ปราศจากการเลือกปฏิบัติ”
เนื่องจากมีความหวังน้อยนิดว่า การเจรจาคราวนี้จะสามารถผ่าทางตันทางการเมืองที่สำคัญออกไปได้ บรรดาผู้ไกล่เกลี่ยจึงมุ่งความสนใจไปที่การทำข้อตกลงระยะสั้น เพื่อผลักให้กระบวนการนี้เดินหน้าต่อไป เป็นต้นว่า การทำข้อตกลงหยุดยิงแบบจำกัดวง การเปิดโอกาสให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงผู้เดือดร้อนได้มากขึ้น และการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างทั้งสองฝ่าย
กระนั้น ฝ่ายกบฏได้ย้ำเตือนมาตั้งแต่ต้นว่าการเจรจาในวันนี้ (27) จะต้องมีการหารือในประเด็นที่เป็นหัวใจสำคัญคือเรื่องการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
พวกเขาเน้นย้ำว่า อัสซาดจะต้องก้าวลงจากตำแหน่ง และจะต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลรักษาการตามข้อตกลงที่บรรลุร่วมกันในการเจรจาสันติภาพครั้งแรกที่นครเจนีวา เมื่อปี 2012
อย่างไรก็ตาม ระบอบปกครองดามัสกัส กล่าวว่า ในการเจรจาครั้งนี้ซึ่งเรียกกันว่า “เจนีวา 2” นั้นจะไม่สามารถกำหนดบทบาทในอนาคตของอัสซาดได้ อีกทั้งไม่ยอมรับว่าข้อตกลงในการประชุมเจนีวา 1 ระบุให้ประธานาธิบดีต้องพ้นจากตำแหน่ง