รอยเตอร์ /เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ในวันอาทิตย์ (19) สมเด็จพระราชาธิบดี อัลมูตัสสิมู บิลลาฮี มูฮิบบุดดิน ตวนกู อัลฮัจญ์ อับดุล ฮาลิม มูอัซซัม ชาห์ อิบนี อัลมาฮูม สุลต่าน บาดลิชาห์ แห่งมาเลย์เซียได้ทรงประกาศสนับสนุนคำสั่งศาลมาเลย์เซีย ที่ห้ามไม่ให้ชนกลุ่มน้อยในมาเลย์เซียที่นับถือศาสนาอื่นใช้คำ “อัลเลาะห์” ที่หมายถึง “พระเจ้า” ได้เพิ่มความตึงเครียดทางด้านศาสนาในมาเลเซียประเทศที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ราว 60%
สุลต่าน อับดุล ฮาลิม มูอัซซัม ที่มีตำแหน่งเป็นพระประมุขของสหพันธรัฐมาเลย์เซียได้ทรงสนับสนุนคำสั่งศาลอุทธรณ์มาเลเซียที่ได้ตัดสินในเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมาว่า “อัลเลาะห์” นั้นสามารถใช้ได้ในหมู่ชาวมาเลเซียที่นับถือมุสลิมเท่านั้น ซึ่งได้พลิกคำตัดสินในปี 2009 อนุญาตให้หนังสือพิมพ์คาทอลิก Catholic weekly Herald ของลอเรนซ์ แอนดรูว์ พระนิกายเยซูอิสต์ ใช้ “อัลเลาะห์” อ้างถึง “พระเจ้า” ในหนังสือพิมพ์ในส่วนภาษามาเลย์ ซึ่งหนังสือพิมพ์ที่มีจำนวนการพิมพ์ราว 15,000 ฉบับนั้นมีภาคภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาทมิฬ และภาษามาเลย์ ซึ่งศาลสูงรัฐบาลกลางมาเลเซียจะเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาว่าจะรับเรื่องนี้หรือไม่ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งคดีนี้ถูกยื่นโดยโบสถ์คาทอลิกของบาทหลวงแอนดรูว์ รายงานจากมาเลเซียน อินไซเดอร์
ซึ่งคำสั่งศาลในครั้งนี้ทำให้เหล่าผู้นำศาสนาอิสลามในมาเลเซียประท้วงต่อชาวคริสต์ที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งศาล ซึ่งพบว่าจำนวนผู้นับถือศาสนาคริสต์ในมาเลย์เซียมีราว 9% จากทั้งหมดของจำนวนประชากรราว 29 ล้านคน เป็นอันดับ 3 รองจากชาวมาเลย์ที่นับถือพุทธศาสนา ในขณะที่จำนวนผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามที่มากเป็นอันดับ 1 ของประเทศมีถึง 60%
“ในสังคมแบบพหุนิยม เรื่องที่อ่อนไหวทางด้านศาสนาโดยเฉพาะที่เกี่ยวพันกับศาสนาอิสลามซึ่งถือเป็นศาสนาประจำรัฐนั้นต้องระวัง” สุลต่าน อับดุล ฮาลิม มูอัซซัม ตรัส รายงานจากสำนักข่าวเบอร์นามา
นอกจากนี้ พระองค์ยังตรัสเสริมต่อว่า “ความสับสนและความคลุมเครือได้หมดไปเมื่อมีคำพิพากษาออกมา” ซึ่งในขณะนี้ทางตำรวจมาเลย์เซียกำลังทำการสอบสวน ลอเรนซ์ แอนดรูว์ ชาวมาเลย์เชื้อชาติอินเดีย พระนิกายเยซูอิสต์ ภายใต้กฎหมาย “ระดมปลุกปั่น” หลังจากที่พระรูปนี้ยืนยันว่า “อัลเลาะห์” นั้นชนกลุ่มน้อยในมาเลเซียสามารถใช้ได้ และคำนี้สามารถถูกอ้างได้ในภาษามาเลย์ และโบสถ์ของเขาในรัฐสลังงอร์จะยังคงใช้คำนี้ต่อไป ข้อหาปลุกปั่นในมาเลเซียจะต้องถูกจำคุกเป็นเวลา 3ปี
อำนาจของพระมหากษัตริย์ในมาเลเซียนั้นมีจำกัด แต่พระองค์ถูกมองว่าเป็นผู้ปกป้องศรัทธาของศาสนาอิสลาม และพระองค์ยังเป็นที่เคารพอย่างสูงสุดสำหรับเหล่าราษฎรในมาเลเซีย โดยสุลต่าน อับดุล ฮาลิม มูอัซซัม ได้ทรงอ้างถึงคำสั่งของสภาฟัตวาแห่งชาติมาเลเซียในปี 1986 ที่กำหนดให้คำหลายคำ ที่รวมถึง “อัลเลาะห์” นั้นสามารถใช้ได้โดยชาวมุสลิมเท่านั้น และคำสั่งนี้ได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภามาเลเซียและได้ถูกบังคับใช้เป็นกฎหมายในที่สุดเมื่อปี 1988
นอกจากนี้ยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างศาสนามีมากขึ้นเมื่อในเดือนพฤศจิกายน 2013 วุฒิสมาชิกของรัฐสลังงอร์ได้ออกคำสั่งห้ามชาวมาเลย์เซียชนกลุ่มน้อยใช้ “อัลเลาะห์” ที่หมายถึงพระเจ้า เพื่ออ้างถึงพระเจ้าในศาสนาของพวกเขา
และในวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมศาสนาประจำรัฐสลังงอร์ได้บังคับใช้กฎหมายนี้โดยการยึดคัมภีร์ไบเบิลภาคภาษามาเลย์จำนวนมากกว่า 300 เล่มจากกลุ่มชนกลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาคริสต์
โดยชาวคริสต์ชนกลุ่มน้อยในมาเลเซียอ้างว่า คำภีร์ไบเบิลฉบับภาษามาเลย์นั้นได้ใช้คำว่า “อัลเลาะห์” อ้างถึง “พระเจ้า” ตามหลักศาสนาคริสต์มาร่วมกว่าร้อยปีแล้ว พร้อมทั้งยังร้องเรียนต่อความกดดันที่เพิ่มมากขึ้นจากชาวมุสลิมที่เป็นชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ
“มันไม่ยุติธรรมที่ชาวคริสต์ต้องถูกสั่งว่าจะต้องปฏิบัติตามหลักศาสนาอย่างไร ซึ่งบาทหลวงลอเรนซ์กล้าจะพูดถึงในสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถให้ความเห็นได้” ซูไซ ดาส ชาวมาเลย์นับถือคริสต์กล่าว