xs
xsm
sm
md
lg

คดีโบสถ์คริสต์ขอใช้คำ “อัลเลาะห์” จะถูก “ศาลสูงมาเลย์” พิจารณา ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างมุสลิมและคริสต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - คณะผู้พิพากษาศาลสูงของรัฐบาลกลางมาเลเซียจำนวน 7 ท่านจะออกนั่งบัลลังก์ในวันนี้ (5) เพื่อพิจารณาว่าจะรับคดีการขอใช้คำ “อัลเลาะห์” ที่สื่อถึงพระเจ้าในศาสนาอิสลาม นั้นจะสามารถให้ศาสนาอื่นใช้ในภาษาท้องมาเลย์ท้องถิ่นได้หรือไม่ ซึ่งโบสถ์ของบาทหลวง ลอเรนซ์ แอนดรูว์ ชาวมาเลย์เชื้อชาติอินเดีย พระนิกายเยซูอิสต์ เป็นผู้นำเรื่องขึ้นสู่ศาล ท่ามกลางความตรึงเครียดระหว่างชุมชนชาวมุสลิมและชุมชนชาวคริสต์ในมาเลเซีย

คณะผู้พิพากษาศาลสูงของรัฐบาลกลางมาเลเซียจำนวน 7 ท่านจะออกนั่งบัลลังก์ในวันนี้ (5) เพื่อพิจารณาคดีที่ยื่นโดยโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกของบาทหลวงลอเรนซ์ แอนดรูว์ ชาวมาเลย์เชื้อชาติอินเดีย พระนิกายเยซูอิสต์ ว่าจะรับไว้หรือจะยังคงพิพากษายืนตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ได้ตัดสินในเดือนตุลาคม 2013 ที่ได้อนุญาตให้รัฐบาลมาเลเซียสั่งห้ามไม่ให้ชาวมาเลย์ที่ไม่ใช่มุสลิมใช้คำ “อัลเลาะห์” ในภาษาท้องถิ่นมาเลย์ ซึ่งกลับคำตัดสินศาลชั้นต้นในปี 2009 ที่ได้ตัดสินอนุญาตให้ชาวมาเลย์ที่นับถือศาสนาอื่นสามารถใช้คำนี้ได้

มีผู้ประท้วงชาวมุสลิมร่วม 500 คนรวมตัวอยู่ด้านนอกของศาลในปูตราจายาประท้วงในขณะที่การพิจารณากำลังเริ่มต้นขึ้น และต่างเปล่งเสียงว่า “Allahu Akbar” หรือพระอัลเลาะห์ ยิ่งใหญ่ที่สุด และถือป้ายข้อความว่า “ต้องการใช้คำ “อัลเลาะห์” เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม กรุณาอย่ามีมารยาททราม”

ฟาเธอร์แอนดรูว์ ซึ่งเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์คาทอลิก Catholic weekly Herald ที่มีจำนวนการพิมพ์ราว 15,000 ฉบับ และมีทั้งภาคภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาทมิฬ และภาษามาเลย์ โดยบาทหลวงท่านนี้ใช้คำ “อัลเลาะห์” อ้างถึง “พระเจ้า” ในหนังสือพิมพ์ในส่วนภาษามาเลย์ และได้กล่าวว่า ชาวคริสต์ทั่วทั้งมาเลเซียต่างอดอาหารและสวดภาวนาเพื่อให้ศาลพิพากษาอนุญาตให้ชุมชนชาวคริสต์สามารถใช้คำนี้ได้

ซึ่งทางโบสถ์คริสต์ได้อ้างถึงคำ “อัลเลาะห์” ว่า คำภีร์ไบเบิลฉบับภาษามาเลย์นั้นได้ใช้ “อัลเลาะห์” อ้างถึง “พระเจ้า” ตามหลักศาสนาคริสต์มาร่วมกว่าร้อยปีแล้ว  และคำนี้ยังถูกใช้ในวรรณกรรมที่อ้างถึง "พระเจ้า" นอกเหนือจากศาสนาอิสลาม

แต่ทางรัฐบาลมาเลเซียโต้ว่า การใช้คำ “อัลเลาะห์” ในวรรณกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับอิสลามนั้นอาจจะสร้างความสับสนขึ้นในหมุ่ชาวมุสลิม และเป็นสามเหตุให้พวกเขาเปลี่ยนศาสนา ซึ่งถือว่าผิดกฏหมายในมาเลเซีย

คดีนี้เริ่มต้นในปี 2007 เมื่อกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซียขู่ที่จะถอนใบอนุญาตการพิมพ์เผยแพร่ของหนังสือพิมพ์ Catholic weekly Herald สาเหตุจากใช้คำ “อัลเลาะห์”

ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างชุมชนของ 2 ศาสนา ระเบิดเพลิงจำนวน 2 ลูกได้ถูกโยนเข้าไปในโบสถ์คริสถ์ของชาวมาเลย์ในปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีผลทำให้ได้รับความเสียหายเล็กน้อย

จากรายงานพบว่า จำนวนผู้นับถือศาสนาคริสต์ในมาเลเซียมีราว 9% จากทั้งหมดของจำนวนประชากรราว 29 ล้านคน เป็นอันดับ 3 รองจากชาวมาเลย์ที่นับถือพุทธศาสนา ในขณะที่จำนวนผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามที่มากเป็นอันดับ 1 ของประเทศมีถึง 60%
กำลังโหลดความคิดเห็น