เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สาธารณรัฐแอฟริกากลาง อดีตหนึ่งในดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปแอฟริกากำลังเผชิญวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งเลวร้าย หลังจำนวนผู้อพยพหนีภัยสงครามกลางเมืองภายในประเทศได้เพิ่มจำนวนเป็นมากกว่า 500,000 คนแล้ว นับตั้งแต่ที่เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มติดอาวุธคริสเตียนที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายกบฏมุสลิม
รายงานข่าวระบุว่า จำนวนผู้ที่ต้องอพยพหนีภัยการสู้รบภายในประเทศของสาธารณรัฐแอฟริกากลางล่าสุดได้เพิ่มจำนวนเป็นมากกว่า 500,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีกว่า 30,000 คนที่ต้องเข้าไปลี้ภัยอยู่ภายในสนามบินนานาชาติกรุงบังกี หนึ่งในสถานที่ที่ได้ชื่อว่ามีความปลอดภัยที่สุดของประเทศในเวลานี้ จากการที่สนามบินแห่งนี้ถูกใช้เป็นฐานของทหารฝรั่งเศสจำนวน 1,600 นายที่ถูกส่งเข้ามาควบคุมสถานการณ์
ตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดการสู้รบอย่างหนัก ระหว่างกลุ่มติดอาวุธของพวกคริสเตียน ที่มีจุดยืนสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โบซิเซที่ถูกโค่นอำนาจและต้องลี้ภัยไปยังแคเมอรูน กับพวกกบฏมุสลิมที่เรียกตัวเองว่า “เซเลกา” ซึ่งเข้ายึดอำนาจรัฐบาลโบซิเซตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมโดยการต่อสู้กันของทั้งสองฝ่ายส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 500 คน รวมถึงทหารฝรั่งเศส 2 นาย
ด้านองค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (Medecins Sans Frontieres :MSF) ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในวันพฤหัสบดี (12) โดยกล่าวหายูเอ็นว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการจัดการกับวิกฤตในแอฟริกากลาง พร้อมเสนอให้ยูเอ็นเร่งหามาตรการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมมากกว่าการจัดส่งอาหาร เต็นท์ที่พัก และการขอให้อดีตเจ้าอาณานิคมอย่างฝรั่งเศส ส่งกำลังทหารเข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย
เทสซี เฟาต์ช ผู้ประสานงานการแพทย์ฉุกเฉินของกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนออกโรงเตือนว่า สาธารณรัฐแอฟริกากลางกำลังจะเผชิญกับหนึ่งในวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์จากคลื่นผู้อพยพจำนวนมหาศาล การระบาดของมาลาเรียและโรคติดเชื้อต่างๆ รวมถึงการขาดแคลนแหล่งน้ำสะอาดสำหรับการบริโภค
ขณะที่นิโกลาส์ ติยงกาเย นายกรัฐมนตรีชั่วคราวของแอฟริกากลางเรียกร้องผ่าน “RFI” สื่อดังของฝรั่งเศส โดยระบุว่าประเทศของตนกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะด้านมนุษยธรรม