xs
xsm
sm
md
lg

ม็อบ “ยูเครน” เฮ หลังมวลชนฮือออกมาช่วยกันรักษาพื้นที่ชุมนุม ผลักดันตำรวจปราบจลาจลถอยกลับไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



เอเจนซีส์ - ผู้ประท้วงชาวยูเครนประกาศชัย ทันทีที่ตำรวจยอมล่าถอยหลังจากอาศัยความมืดและหนาวเหน็บเข้าจู่โจมจัตุรัสเอกราช กลางกรุงเคียฟ หวังยึดพื้นที่หลักของการชุมนุมกลับคืนในช่วงก่อนรุ่งสางวันพุธ (11 ธ.ค.) ทางด้านนักการเมืองฝ่ายค้านเชื่อระบอบปกครองของประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูโควิช ใกล้ล่มสลาย ขณะที่อเมริกาและยุโรปร่วมกันประณามการใช้กำลังปราบปรามการชุมนุมอย่างสันติของประชาชนที่โปรตะวันตกคราวนี้ โดยที่ล่าสุด นายกรัฐมนตรีมืย์โคลา อาซารอฟ เสนอว่าถ้าสหภาพยุโรปยอมให้เงินกู้แก่ยูเครน 20,000 ล้านยูโร เขาก็ยินดีทำตามข้อเรียกร้องของฝ่ายค้าน ด้วยการลงนามในข้อตกลงผูกพันทางการค้าและการเมืองกับอียู

หน่วยตำรวจปราบจลาจล “เบอร์คัต” ร่วมกับกองทหารรักษาความมั่นคงภายในของกระทรวงมหาดไทยยูเครน ช่วยกันรื้อทำลายสิ่งกีดขวางและจู่โจมผลักดันผู้ประท้วงที่ยังเหลืออยู่นับพันคน ให้ออกไปจากจัตุรัสเอกราชกลางกรุงเคียฟเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางความหนาวเหน็บติดลบ 8 องศาเซลเซียส

ตำรวจสวมชุดเกราะนับพันนายเข้าควบคุมบางส่วนของจัตุรัสด้วยการจับมือกันเป็นห่วงโซ่มนุษย์ แต่การประท้วงยังคงดำเนินต่อไป และมีประชาชนจำนวนมากพากันเดินทางมาช่วยผู้ชุมนุมตั้งแต่ช่วงฟ้าสาง

ที่แคมป์ประท้วงหลักในจัตุรัสเอกราช ศิลปิน นักการเมือง และบาทหลวง วิงวอนไม่ให้ตำรวจใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุม ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทย วิทาลี ซาคาร์เชนโก เรียกร้องความสงบ และยืนยันว่า จะไม่มีการบุกเข้าสู่จัตุรัส โดยเจ้าหน้าที่หลายคนกล่าวตรงกันว่า ได้รับคำสั่งไม่ให้ใช้กำลังกับผู้ประท้วง และต้องการเพียงแค่คืนพื้นที่จราจรบนถนนสายหลักที่ตัดผ่านกลางจัตุรัส ตำรวจหลายคนยังเข้าประคองผู้ประท้วงที่ได้รับบาดเจ็บออกจากบริเวณที่มีการปะทะ

ผู้ประท้วงบางคนชูโทรศัพท์มือถือแทนเทียนและร้องเพลงชาติ ขณะที่โบสถ์ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 2 กิโลเมตรสั่นระฆัง ซึ่งเป็นวิธีการเตือนภัยเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว

ในที่สุดผู้ประท้วงก็มีจำนวนมากพอที่จะยึดคืนพื้นที่ในจัตุรัสคืน ขณะที่นักเคลื่อนไหวราว 200 คนซึ่งปักหลักอยู่ในศาลาว่าการเมืองมากว่าสัปดาห์ ใช้ไม้ต่อสู้กับกระบองของตำรวจ และนักเคลื่อนไหวที่อยู่ชั้นบนของอาคารฉีดน้ำที่เย็นจัดจนเป็นน้ำแข็งจากท่อดับเพลิงเข้าใส่ จนตำรวจต้องล่าถอย

ฝูงชนกู่ร้องด้วยความยินดีเมื่อตำรวจถอนกำลังออกจากจัตุรัส หลังจากนั้นจึงช่วยกันสร้างสิ่งกีดขวางที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่

โอเลห์ เทียห์นิบ็อก ผู้นำกลุ่มชาตินิยมสโวโบดา บอกว่า มีผู้ประท้วงบาดเจ็บหลายคน และถูกจับกุม 11 คน

“เป็นเรื่องโง่เง่าที่สุดที่พวกเขาสามารถทำได้ กฎฟิสิกส์ว่าไว้ว่า ยิ่งมีความกดดันมากเท่าใด แรงต้านทานยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ผมมั่นใจว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าชาวยูเครนจำนวนมากมายมหาศาลจะแห่กันออกมา” วิทาลี คลิชโก อดีตแชมป์มวยโลกที่ผันตัวเองมาเป็นนักการเมืองฝ่ายค้านพาดพิงถึงประธานาธิบดี ยานูโควิช

ส่วน อาร์เซนีย์ ยัตเซนยุก อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจและผู้นำฝ่ายค้านอีกคน สำทับว่า “ยานูโควิชกำลังตบหน้าอเมริกา, 28 ประเทศในยุโรป และชาวยูเครน 46 ล้านคน เราจะไม่ให้อภัยเขา พรุ่งนี้จะมีคนนับล้านออกมาที่จัตุรัส และระบอบยานูโควิชจะล่มสลาย”

“ผมรู้สึกได้ถึงชัยชนะ เราหวังว่าประธานาธิบดีจะเข้าใจสิ่งนี้ ทำสิ่งที่ถูกต้องและลาออก” แอนดรีย์ ชยูร์ วัย 25 ปี แสดงความเห็น

การประท้วงครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน หลังจากยานูโควิชกลับลำ ไม่ยอมลงนามข้อตกลงผูกพันร่วมสมาคมทางด้านการค้าและการเมืองกับสหภาพยุโรป (อียู) อันจะทำให้อดีตประเทศสมาชิกสหภาพโซเวียตแห่งนี้โน้มเอียงไปทางตะวันตกมากขึ้น และเป็นการสูญเสียอย่างสำคัญสำหรับรัสเซียที่เคยควบคุมและมีอิทธิพลอย่างมากต่อยูเครนมาหลายร้อยปี

ในวันพุธ นายกรัฐมนตรีอาซารอฟ แถลงว่า ได้บอกกับผู้นำยุโรปว่า ยูเครนพร้อมจะลงนามข้อตกลงดังกล่าวต่อเมื่อบรัสเซลส์อัดฉีดเงินกู้ให้ 20,000 ล้านยูโร พร้อมสัญญาว่า ระหว่างหารือกับเจ้าหน้าที่รัสเซียวันที่ 17 นี้ จะไม่มีการเจรจาเข้าร่วมสหภาพศุลกากรกับมอสโก ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่ฝ่ายค้านกังวล

อย่างไรก็ตาม โอลิวิเยร์ เบลลีย์ โฆษกผู้หนึ่งของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของอียู ได้แถลงตอบโต้ปฏิเสธจากกรุงบรัสเซลส์อย่างรวดเร็วว่า อียูจะไม่เข้ามีส่วนเกี่ยวข้อง “ในสงครามประมูลซื้อ” อนาคตของยูเครน

ฝ่ายตะวันตกยังเรียงหน้าโจมตีการใช้กำลังกับผู้ประท้วงของรัฐบาลยูเครนอย่างรุนแรง

จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่า การตัดสินใจของทางการยูเครนในการใช้ตำรวจปราบจลาจล รถตักดิน และกระบองปราบปรามการประท้วงอย่างสงบ แทนที่จะเคารพในสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยและเกียรติศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นเรื่องที่น่าชิงชัง

การปราบปรามผู้ประท้วงครั้งนี้ยังมีขึ้นขณะที่แคทเธอลีน แอชตัน ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศอียู และวิกตอเรีย นูแลนด์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อยู่ในเคียฟเพื่อช่วยหาทางคลี่คลายวิกฤตการเมืองครั้งรุนแรงที่สุดของยูเครนนับจากการปฏิวัติสีส้มเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในปี 2004

ยุโรปส่งสัญญาณการสนับสนุนผู้ประท้วงยูเครนอย่างชัดเจน เมื่อแอชตันเดินทางเป็นการส่วนตัวไปยังจัตุรัสเอกราชเมื่อคืนวันอังคาร เช่นเดียวกับนูแลนด์ที่ไปเยี่ยมผู้ประท้วงหลังจากกองกำลังความมั่นคงถอนจากจัตุรัสในวันพุธ

ส่วนแอชตันที่คาดว่า จะเข้าพบยานูโควิชในวันพุธนั้น ออกคำแถลงว่า รู้สึกเศร้าใจที่เห็นตำรวจยูเครนใช้กำลังกับการประท้วงอย่างสันติ และว่า ตำรวจไม่จำเป็นต้องดำเนินการกับประชาชนท่ามกลางความมืดมิดของรัตติกาล
กำลังโหลดความคิดเห็น