xs
xsm
sm
md
lg

‘ยูเครน’ ปิดทางเข้าอาคารรัฐบาล หลังชุมนุมนับแสนไล่ ปธน.-นายกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online





เอเจนซีส์ - ผู้ประท้วงชาวยูเครนหลายพันปิดทางเข้าออกที่ทำการรัฐบาลในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) เพื่อกดดันให้ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และ ครม.ลาออกยกพวง เนื่องจากไม่พอใจที่คณะผู้นำกลับลำยกเลิกการกระชับสัมพันธ์กับอียู และพยายามกลับไปคบค้ากับรัสเซีย ทั้งนี้หลังจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (1) มีประชาชนกว่า 300,000 คนชุมนุมเดินขบวนใหญ่คัดค้านรัฐบาลในกรุงเคียฟ

การชุมนุมเดินขบวนดังกล่าวเป็นไปอย่างสงบเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่งผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งพยายามทำลายสิ่งกีดขวางและบุกเข้าไปในสำนักงานของประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช และปะทะกับตำรวจหลายชั่วโมง โดยตำรวจใช้ระเบิดแสงและระเบิดควัน ส่วนผู้ชุมนุมตอบโต้ด้วยระเบิดขวดและก้อนหิน อย่างไรก็ดี สื่อบางสำนักรายงานว่า ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและกระบอง

โอลกา ไบลิก โฆษกหญิงสำนักงานตำรวจเผยว่า ตำรวจได้รับบาดเจ็บราว 100 นาย ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักนายกเทศมนตรีนครเคียฟ ระบุผู้ประท้วงบาดเจ็บเกือบ 50 คน

การประท้วงคัดค้านในวันอาทิตย์ เกิดจากความไม่พอใจที่ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมในช่วงเช้าวันเสาร์ (30 พ.ย.) ส่งผลให้ชาวยูเครนจำนวนมากตัดสินใจเข้าร่วมการเคลื่อนไหวเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีและรัฐบาล

ล่าสุดมีสมาชิกรัฐสภาอย่างน้อย 3 คนจากพรรครัฐบาลลาออกเพื่อประท้วง และพรรคฝ่ายค้านมีกำหนดเปิดอภิปรายถอดถอนนายกรัฐมนตรี ไมโคลา อาซารอฟ ในวันอังคาร (3) ปัญหาคือ ฝ่ายค้านมีสมาชิกในสภาเพียง 170 คน แต่ต้องรวมเสียงสนับสนุนให้ได้ถึง 226 เสียงจากทั้งหมด 450 เสียงเพื่อล้มรัฐบาล

ทั้งนี้ ในบางพื้นที่ทางด้านตะวันตกของยูเครน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่คนส่วนใหญ่พูดภาษายูเครน และโน้มเอียงต้องการผูกมิตรกับสหภาพยุโรป (อียู) มากกว่ากลับไปญาติดีกับรัสเซียนั้น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบางคนออกมาต่อต้านรัฐบาลอย่างเปิดเผย

ตัวอย่างเช่นนายกเทศมนตรีเมืองแอลวิฟ ที่เรียกร้องให้ประชาชนออกมาประท้วง และขอให้ตำรวจถอดเครื่องแบบและปกป้องเมือง หากรัฐบาลกลางส่งกำลังมาปราบปราม โดยมีรายงานด้วยว่า ผู้ประท้วงจำนวนมากจากแอลวิฟและเมืองอื่นๆ ทางตะวันตก พากันเดินทางเข้าสู่กรุงเคียฟเพื่อร่วมชุมนุมกดดันรัฐบาล

เช่นเดียวกับนักวิชาการบางคน เป็นต้นว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์แอนเดรียส์ อัมแลนด์ จากเคียฟ โมฮิลา อะคาเดมี ที่ประกาศว่า “หมดเวลาของยาคูโนวิชแล้ว ทั้งในฐานะประธานาธิบดีและนักการเมือง"

ที่กรุงเคียฟ ประชาชนราว 100,000 คน ตั้งแคมป์ค้างคืนเมื่อวันอาทิตย์ที่จัตุรัสเอกราช ท้าทายอากาศหนาวเหน็บและคำสั่งศาลที่ห้ามการชุมนุมใดๆ ในจัตุรัสดังกล่าวและถนนโดยรอบจนกว่าจะถึงวันที่ 7 มกราคมศกหน้า

ผู้ประท้วงตั้งเวทีชั่วคราวมีนักดนตรีหมุนเวียนมาขับกล่อมผ่อนคลายบรรยากาศสลับกับการปราศรัย และนักการเมืองฝ่ายค้านแวะเวียนมาให้กำลังใจเป็นระยะ ขณะที่ผู้ประท้วงอีกหลายร้อยคนเข้ายึดศาลาว่าการเมืองและอาคารสหภาพแรงงาน

การแสดงพลังครั้งใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ที่มีผู้เข้าร่วมถึง 350,000 คน ณ จัตุรัสเอกราชชวนให้นึกถึงการปฏิวัติสีส้มเรียกร้องประชาธิปไตยของยูเครนในปี 2004 ซึ่งได้รับการหนุนหลังอย่างเต็มที่จากฝ่ายตะวันตก

ต่อมาในวันจันทร์ (2) ผู้ประท้วงกว่า 5,000 คนเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลและอาคารบริหารราชการของประธานาธิบดี เพื่อปิดทางเข้าออกของลูกจ้างรัฐและกดดันให้รัฐบาลลาออก

รถยนต์บีบแตรสนับสนุนการประท้วงทั่วเมือง เช่นเดียวกับโบสถ์ที่สั่นระฆังกังวานทั่วกรุงเคียฟ

ทางด้าน วิทาลี ลุคยาเนนโก โฆษกของนายกฯอาซารอฟ เปิดเผยว่า รัฐบาลไม่มีแผนประกาศภาวะฉุกเฉิน แต่ไม่ยอมบอกว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลได้หรือไม่

ทั้งนี้ ชาวยูเครนที่โปรอียู ออกมาประท้วงนับจากวันศุกร์ที่ยานูโควิชยกเลิกข้อตกลงก่อตั้งเขตการค้าเสรีและกระชับสัมพันธ์ทางการเมืองกับอียู ซึ่งจะปูทางยูเครนเข้าเป็นสมาชิก ทั้งที่เตรียมการกันมาหลายปี โดยอ้างว่า ยูเครนไม่สามารถตัดสัมพันธ์ทางการค้ากับรัสเซียได้ ยานูโควิช ยังยืนกรานว่า จะยอมกระชับสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบรัสเซลส์ต่อเมื่อยูเครนได้รับการปฏิบัติในฐานะหุ้นส่วนที่เท่าเทียมเท่านั้น

ด้านผู้นำอียูออกมาประณามการตัดสินใจดังกล่าวว่า เป็นผลจากการที่รัสเซียขู่ลงโทษทางเศรษฐกิจ หากยูเครน ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียต เอนเอียงเข้าหาตะวันตก

การตัดสินใจนี้ส่งผลให้ยานูโควิชต้องรับศึกหนัก เนื่องจากคู่แข่งทางการเมืองนำมาเป็นประเด็นในการโจมตีท่ามกลางความไม่พอใจเป็นทุนเดิมของประชาชนเกี่ยวกับปัญหาทุจริตและการว่างงาน

“การปฏิวัติเริ่มขึ้นแล้ว เรากำลังเรียกร้องให้พี่น้องหยุดงานทั่วประเทศ” โอเลห์ ทิยาไนบ็อก หัวหน้าพรรคสโซโบดา ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านประกาศ

ขณะที่ เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงท่าทีสนับสนุนฝ่ายค้านที่โปรตะวันตกอย่างชัดเจน โดยเรียกร้องให้รัฐบาลยูเครนเคารพสิทธิในการแสดงออกอย่างเสรีของประชาชน และงดใช้ความรุนแรง เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์และสวีเดนออกคำแถลงร่วมสนับสนุนการชุมนุมของชาวยูเครน
กำลังโหลดความคิดเห็น