เอเจนซีส์ - รัฐบาลยูเครนเป็นฝ่ายชนะตามคาดในการลงคะแนนไม่ไว้วางใจเมื่อวันอังคาร (3 ธ.ค.) ถึงแม้ผู้ชุมนุมเดินขบวนหลายพันคนปักหลักอยู่หน้ารัฐสภา ซึ่งเปิดอภิปรายรัฐบาลกรณีที่ระงับการทำข้อตกลงประวัติศาสตร์กับอียูในนาทีสุดท้าย ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูโควิช เชื่อ “เอาอยู่” จึงประกาศลัดฟ้าเยือนจีนตามกำหนด เพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตหนี้
ฝ่ายค้านยูเครนกดดันให้รัฐสภาเปิดการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีไมโคลา อาซารอฟ ท่ามกลางการประท้วงใหญ่ยืดเยื้อตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว จากการที่รัฐบาลทิ้งข้อตกลงประวัติศาสตร์อันจะนำไปสู่การเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งนับเป็นการประท้วงใหญ่ที่สุดในอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียตแห่งนี้นับจากการปฏิวัติสีส้มสนับสนุนตะวันตกเมื่อ 9 ปีที่แล้ว
ระหว่างการเปิดประชุมรัฐสภาวาระฉุกเฉินในวันอังคารคราวนี้เอง อาซารอฟ ได้ลุกขึ้นแถลงว่า ในนามของรัฐบาล เขาขอโทษสำหรับการปฏิบัติการต่างๆ ของเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย ซึ่งตอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ยิงระเบิดควัน และขว้างระเบิดมือทำให้สลบ เข้าใส่ผู้ชุมนุมเดินขบวนในกรุงเคียฟ พร้อมกันนั้นก็ให้สัญญาว่าจะปรับคณะรัฐมนตรีของเขา
จากนั้นจึงถึงวาระการลงคะแนนในญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้าน ซึ่งปรากฏว่าฝ่ายค้านรวบรวมเสียงได้เพียง 186 เสียง จากที่ต้องใช้ไม่น้อยกว่า 226 เสียงจึงจะสามารถคว่ำรัฐบาลที่เป็นฝ่ายครองเสียงข้างมากในรัฐสภาเอาไว้
ที่บริเวณด้านนอกรัฐสภานั้น มีผู้ประท้วงราว 5,000 คนชุมนุมอยู่เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดียานูโควิช ลาออก ขณะเดียวกันก็มีตำรวจปราบจลาจลจำนวนมากคอยคุมเชิง
นอกจากนี้มีผู้สนับสนุนยานูโควิชราว 1,000 คนชุมนุมกันอยู่ในบริเวณใกล้เคียง โดยมีตำรวจรายล้อมเอาไว้
ก่อนหน้านั้น อาซารอฟกล่าวกับเอกอัครราชทูตอียู สหรัฐฯ และแคนาดาเมื่อวันจันทร์ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีลักษณะเด่นชัดทุกอย่างว่าเป็นการรัฐประหาร ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่า การประท้วงดูเหมือนเป็นการสังหารหมู่มากกว่าการปฏิวัติ และเกิดจากการยุยงปลุกปั่นของต่างชาติเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทว่า ทำเนียบขาวออกมาคัดค้านทันทีว่า การประท้วงโดยสันติไม่ใช่การรัฐประหาร
สถานการณ์การประท้วงในวันอังคาร (3) ถือว่าสงบลงมากเมื่อเทียบกับการประท้วงใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่มีการปะทะกับตำรวจ แม้ยังมีผู้ประท้วงราว 1,000 คนปักหลักค้างคืนในจัตุรัสเอกราชในคืนวันจันทร์ ขณะที่ตำรวจปราบจลาจลหลายพันคนควบคุมสถานการณ์รอบอาคารรัฐสภาตั้งแต่เช้าวันอังคาร
อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิที่ลดลงต่ำกว่า 0 องศาส่งผลให้จำนวนผู้ประท้วงบางตาลงอย่างชัดเจน กระทั่งประธานาธิบดียานูโควิช มั่นใจว่าสถานการณ์ความมั่นคงอยู่ภายใต้การควบคุม จึงประกาศว่า จะเดินทางเยือนจีนตามแผนในวันอังคาร เพื่อขอเงินกู้และชักชวนให้นักลงทุนแดนมังกรเข้าลงทุนเพื่อคลี่คลายวิกฤตหนี้
ทั้งนี้ กองกำลังความมั่นคงขึ้นตรงกับรัฐมนตรีมหาดไทยที่จงรักภักดีต่อยานูโควิช อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทของลูกชายประธานาธิบดี
กระนั้น ผู้สังเกตการณ์บางคน อาทิ เกล็บ วิชลินสกี นักวิเคราะห์การเมืองยูเครน คิดว่า การเดินทางออกนอกประเทศในขณะนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีเลย เนื่องจากอาจทำให้การเจรจากับฝ่ายต่อต้านยากลำบากยิ่งขึ้น
รัสเซียนั้นต้องการดึงยูเครนเข้าสู่สหภาพที่ตนพยายามปลุกปั้น และไม่อยากให้ยูเครนตีตัวออกห่างไปใกล้ชิดสนิทสนมกับอียูแทน
ทว่า การแย่งชิงการมีอิทธิพลเหนือยูเครนระหว่างบรัสเซลส์กับมอสโกไม่ได้ช่วยให้วิกฤตหนี้ของยูเครนคลี่คลายลง ขณะที่การเยือนจีนอาจครอบคลุมการลงนามข้อตกลงเศรษฐกิจและการค้าอย่างน้อย 20 ฉบับ
โวโลดีมีร์ เฟเซนโก จากกลุ่มคลังสมองเพนตา ของยูเครนชี้ว่า การเยือนจีนของยานูโควิชอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า ยูเครนยังมีตัวเลือกอื่นนอกจากอียูและรัสเซีย
อย่างไรก็ดี เฟเซนโกเสริมว่า ปักกิ่งอาจขอความมั่นใจเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของยูเครน และยังมีแนวโน้มว่า ยูเครนอาจไม่ได้ความช่วยเหลือทางการเงินโดยตรงจากจีนเพิ่มเติมจากเงินกู้ที่เคยได้รับก่อนหน้านี้ 10,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยานูโควิชต้องการเงินกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์มาจ่ายค่าพลังงานและหนี้ในปีหน้า