เอเอฟพี – สหรัฐฯ เตือน ผู้หญิงและเด็กหลายพันคนในฟิลิปปินส์เสี่ยงตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ หลังเกิดมหาวาตภัยไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” ที่ทำให้ประชาชนจำนวนนับล้านต้องไร้ที่อยู่
ส.ส.อเมริกันคนหนึ่งซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากฟิลิปปินส์ ระบุว่า รัฐบาลมะนิลาและกองทัพสหรัฐฯ สามารถเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อไต้ฝุ่นได้เป็นจำนวนมากแล้วก็จริง แต่ทุกฝ่ายควรหันมาป้องกันพวกมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสเบียดเบียนประชาชนในยามทุกข์ยากด้วย
“ผู้หญิง, เด็ก, คนชรา และผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ คือกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภัยธรรมชาติครั้งนี้” ส.ส. คริส สมิธ จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งนำคณะผู้แทน 3 คนลงพื้นที่ประสบภัยในฟิลิปปินส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แถลงต่อคณะอนุกรรมการด้านกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ วานนี้(3)
สมิธ ชี้ว่า ผู้หญิงและเด็กที่ถูกนำตัวออกจากพื้นที่ประสบภัยไปยังเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงมะนิลา อาจตกเป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ที่หลอกล่อว่ามีงานรายได้ดีให้ทำในซาอุดีอาระเบียหรือเกาหลีใต้ แต่เมื่อเดินทางไปถึง เหยื่อเหล่านี้ก็จะพบว่าตนเองกำลัง “ตกนรกบนดิน”
วอชิงตันมองว่า แนวทางปฏิบัติของรัฐบาลฟิลิปปินส์นั้นยังไม่ได้มาตรฐานขั้นต่ำของการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานว่าด้วยปัญหาการค้ามนุษย์ประจำปี 2013 ซึ่งระบุชัดเจนว่า ฟิลิปปินส์เป็น “แหล่งกำเนิด” ของขบวนการหลอกลวงผู้หญิงไปขายบริการและใช้แรงงาน ส่วน “การค้าประเวณีเด็ก” ก็ยังเป็นปัญหาเรื้อรัง
องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งประสานความร่วมมือกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ในการกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์มาหลายปี ก็ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน
“เรากำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด... การที่จะปกป้องเด็กๆ ทางตอนกลางของฟิลิปปินส์ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ รัฐบาลมะนิลาและนานาประเทศจะต้องร่วมมือหาวิธีป้องกันทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ” แนนซี ลินด์บอร์ก ผู้ช่วยผู้อำนวยการ USAID ฝ่ายประชาธิปไตย, ความขัดแย้ง และการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยเธอแนะนำให้มีการเตรียมสถานที่อยู่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและผู้หญิง และจัดตั้งคณะทำงานเพื่อช่วยสืบหาครอบครัวของเด็กที่พลัดหลงจากพ่อแม่ เป็นต้น
ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนซึ่งซัดถล่มภาคกลางของฟิลิปปินส์เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นับเป็นมหาวาตภัยร้ายแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยจดบันทึก ซึ่งจนบัดนี้พบว่ามีผู้เสียชีวิตและสูญหายแล้วไม่ต่ำกว่า 7,400 คน