เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ แห่งออสเตรเลีย แสดงความ “เสียใจ” ที่ทำให้ประธานาธิบดีอินโดนีเซียต้องรู้สึกอับอายขายหน้าจากการตกเป็นเหยื่อสอดแนมของหน่วยข่าวกรองแดนจิงโจ้ แต่ยืนยันว่าออสเตรเลียไม่จำเป็นต้อง “ขออภัย” ในเรื่องนี้
แอบบ็อตต์แถลงต่อรัฐสภาว่า “ออสเตรเลียมีความเคารพต่อประเทศ, รัฐบาล และประชาชนอินโดนีเซีย... ผมถือว่าประธานาธิบดี (ซูซิโล บัมบัง) ยุทโธโยโน เป็นหนึ่งในมิตรที่ดีที่สุดที่เรามีอยู่ ด้วยเหตุนี้ผมจึงเสียใจจริงๆ ที่รายงานของสื่อได้สร้างความอับอายต่อท่าน”
อย่างไรก็ดี แอบบ็อตต์ประกาศชัดเจนว่าออสเตรเลียจะไม่ “ขออภัย” ในกิจกรรมที่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
“ออสเตรเลียไม่จำเป็นต้องขออภัยสำหรับสิ่งที่เราได้ทำไปเพื่อปกป้องประเทศชาติ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่นเดียวกับรัฐบาลอื่นๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องขอโทษ หากทำในสิ่งเดียวกัน”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของออสเตรเลียนั้นเราใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่ รวมไปถึงข้อมูลข่าวกรอง เพื่อช่วยเหลือมิตรประเทศและพันธมิตรทั้งหลาย”
ถ้อยแถลงจากแอบบ็อตต์ มีขึ้นภายหลังจากที่ประธานาธิบดียุทโธโยโน ได้สั่งทบทวนความสัมพันธ์กับออสเตรเลีย และเรียกเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำกรุงแคนเบอร์รากลับประเทศ เพื่อตอบโต้รายงานข่าว “อันน่าเจ็บปวด” ที่ว่า หน่วยข่าวกรองออสเตรเลียดักฟังโทรศัพท์ของ ยุทโธโยโน และภรรยา รวมไปถึงรัฐมนตรีอาวุโสของอินโดนีเซียอีกหลายคน
ยุทโธโยโนได้เขียนลงในทวิตเตอร์ของเขาวันนี้ (19) ว่า อินโดนีเซีย “กำลังทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สืบเนื่องจากการกระทำที่น่าเสียใจของรัฐบาลออสเตรเลีย”
“ผมยังขอตำหนิคำพูดของนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียที่เอ่ยในทำนองว่า การดักฟังโทรศัพท์บุคคลในอินโดนีเซียเป็นแค่เรื่องไม่สลักสำคัญ และไม่แสดงความสำนึกผิดแม้แต่น้อย”
ยุทโธโยโน ยังพาดพิงถึงสหรัฐฯ ซึ่งถูกแฉว่าสอดแนมรัฐบาลอินโดนีเซียอยู่เช่นกัน โดยระบุว่า “การกระทำของสหรัฐฯ และออสเตรเลียกำลังบั่นทอนความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศประชาธิปไตย”
เอกสารลับจากเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ซึ่งตกไปถึงมือสำนักข่าว ออสเตรเลียน บรอดคาสติง และหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน ระบุว่า หน่วยสอดแนมอิเล็กทรอนิกส์ของออสเตรเลียเคยติดตามการใช้โทรศัพท์มือถือของ ยุทโธโยโน เป็นเวลา 15 วันในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2009 ซึ่งขณะนั้นออสเตรเลียมีนายกรัฐมนตรี เควิน รัดด์ เป็นหัวหน้ารัฐบาล