เอเอฟพี – สเปนระบุวานนี้ (6 พ.ย.) ว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2012 (MERS) รายแรกของประเทศ คือหญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบีย
กระทรวงสาธารณสุขของแดนกระทิงดุ ได้ระบุในคำแถลงว่าขณะนี้ผู้ป่วยคนดังกล่าวซึ่งเป็นชาวโมร็อกโก แต่ย้ายมาอยู่ในสเปน กำลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงมาดริด และมีอาการ “ทรงตัว”
นอกจากนี้ คำแถลงยังเผยว่า เมื่อเดือนตุลาคมเธอได้เดินทางไปซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นที่แรกที่มีการพบเชื้อไวรัสชนิดนี้เมื่อเดือนกันยายน ปี 2012
ทั้งนี้ ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) แจ้งว่า เชื้อไวรัสโคโรนา MERS (Middle East Respiratory Syndrome Coronavirus) ได้คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้ว 64 ราย โดยประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตสูงที่สุดคือ ซาอุดีอาระเบีย
และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (4) WHO กล่าวว่า พบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจชนิดนี้ ที่ผลตรวจจากห้องแลบยืนยันทั้งสิ้น 150 รายจากทั่วโลก และจนบัดนี้ ตรวจพบผู้ติดเชื้อในอีก 4 ชาติยุโรปเท่านั้น ได้แก่ อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ซึ่งมักจะเป็นผู้ที่เพิ่งเดินทางไปประเทศในแถบตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า หญิงผู้นี้ได้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจจ์ที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีผู้ศรัทธาชาวมุสลิมไปรวมตัวกันเรือนล้านเมื่อเดือนที่แล้วหรือไม่ ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียได้ใช้มาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา MERS ในหมู่ผู้เดินทางไปจาริกแสวงบุญอย่างเข้มงวดกวดขัน และได้เตือนให้ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรังหลีกเลี่ยงการไปร่วมพิธีฮัจจ์ และยังได้แนะนำให้บรรดาผู้จาริกแสวงบุญสวมหน้ากากอนามัยอีกด้วย
ทางด้าน ผู้เชี่ยวชาญต่างกำลังเพียรพยายามศึกษาเชื้อไวรัสโคโรนา MERS ซึ่งยังคงไม่มีวัคซีนป้องกัน
ทั้งนี้ เชื้อไวรัสชนิดนี้จัดว่าอันตรายร้ายแรงกว่าโรคซาร์ส แต่มีโอกาสติดต่อน้อยกว่า โดยที่ ซาร์ส เป็นเชื้อไวรัสในตระกูลเดียวกันที่แพร่ระบาดในทวีปเอเชียเมื่อปี 2003 จนมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 8,273 คน และมีผู้ป่วย 9 เปอร์เซ็นต์เสียชีวิต
MERS เหมือนซาร์ส ตรงที่ไวรัสชนิดนี้ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อที่ปอด มีไข้สูง ไอ และหายใจลำบาก แต่ต่างกันที่ MERS นั้นสามารถทำให้ไตวายเฉียบพลัน และมีอัตราการตายในหมู่ผู้ป่วยที่สูงมากจนน่าวิตก
เมื่อเดือนสิงหาคม คณะนักวิจัยชี้ว่า มีความเป็นไปได้ว่า อูฐในตะวันออกกลางคือพาหะของเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้
