WHO ระบุพบผู้ติดเชื้อไวรัสคล้ายซาร์สประทศซาอุดีอาระเบีย 67 ราย และมีผู้เสียชีวิต 38 ราย ศน.ห่วงผู้แสวงบุญกลุ่มอายุเกิน 65 ปี ผู้ป่วยหัวใจ เบาหวาน โรคทางเดินหายใจ เลื่อนการเดินทาง ตามคำแนะนำของซาอุฯ
เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก มีรายงานว่ายังคงมีการติดเชื้อไวรัส Middle East Respiratory Syndrome (MERS) หรือ Coronavirus (CoV) รายใหม่เกิดขึ้นในซาอุดีอาระเบียอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อดังกล่าว 67 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 38 ราย ในจำนวนนี้มีการติดต่อจากคนสู่คนในสถานพยาบาล ที่พักอาศัย และสถานที่ทำงาน แต่ยังไม่มีรายงานว่ามีการระบาดในชุมชน นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้รับการประสานจาก กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ แจ้งข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการแพร่ของไวรัสคล้ายซาร์ส ในประเทศซาอุดีอาระเบีย พร้อมกันนี้ กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบีย ได้ออกประกาศว่าด้วยระเบียบเกี่ยวกับสุขอนามัยสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์และอุมเราะห์ในปีนี้ โดยขอให้กลุ่มบุคคลควรเลื่อนการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคที่เกี่ยวเนื่องกับโรคหัวใจ โรคไต และโรคระบบทางเดินหายใจ สตรีมีครรภ์ เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ตลอดจนผู้ป่วยที่มีความบกพร่องทางภูมิคุ้มกันและผู้ที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงและมีอาการขั้นสุดท้าย
นายปรีชา กล่าวว่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและเฝ้าระวังสำหรับชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ จึงแนะนำให้ผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับมาตรการลดการแพร่ของโรคระบาดด้านทางเดินหายใจ ได้แก่ ล้างมือด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีอาการไอ จาม และอาเจียน การใช้ทิชชูปิดปากเมื่อไอหรือจาม และทิ้งลงถังขยะทันที ลดการใช้มือสัมผัสตา จมูก ปาก และสวมหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้มีมีอาการติดเชื้อ และไม่ใช้ของร่วมกันกับบุคคลเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกของประเทศซาอุดีอาระเบีย และยังไม่มีการติดเชื้อหรือระบาดในเมืองมักกะห์ หรือเมืองมะดีนะห์ ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจแต่ประการใด ทั้งนี้ ขอให้ชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในปีนี้ได้ ติดตามข่าวการแพร่ของไวรัสอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก มีรายงานว่ายังคงมีการติดเชื้อไวรัส Middle East Respiratory Syndrome (MERS) หรือ Coronavirus (CoV) รายใหม่เกิดขึ้นในซาอุดีอาระเบียอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อดังกล่าว 67 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 38 ราย ในจำนวนนี้มีการติดต่อจากคนสู่คนในสถานพยาบาล ที่พักอาศัย และสถานที่ทำงาน แต่ยังไม่มีรายงานว่ามีการระบาดในชุมชน นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้รับการประสานจาก กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ แจ้งข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการแพร่ของไวรัสคล้ายซาร์ส ในประเทศซาอุดีอาระเบีย พร้อมกันนี้ กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบีย ได้ออกประกาศว่าด้วยระเบียบเกี่ยวกับสุขอนามัยสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์และอุมเราะห์ในปีนี้ โดยขอให้กลุ่มบุคคลควรเลื่อนการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคที่เกี่ยวเนื่องกับโรคหัวใจ โรคไต และโรคระบบทางเดินหายใจ สตรีมีครรภ์ เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ตลอดจนผู้ป่วยที่มีความบกพร่องทางภูมิคุ้มกันและผู้ที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงและมีอาการขั้นสุดท้าย
นายปรีชา กล่าวว่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและเฝ้าระวังสำหรับชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ จึงแนะนำให้ผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับมาตรการลดการแพร่ของโรคระบาดด้านทางเดินหายใจ ได้แก่ ล้างมือด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีอาการไอ จาม และอาเจียน การใช้ทิชชูปิดปากเมื่อไอหรือจาม และทิ้งลงถังขยะทันที ลดการใช้มือสัมผัสตา จมูก ปาก และสวมหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้มีมีอาการติดเชื้อ และไม่ใช้ของร่วมกันกับบุคคลเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกของประเทศซาอุดีอาระเบีย และยังไม่มีการติดเชื้อหรือระบาดในเมืองมักกะห์ หรือเมืองมะดีนะห์ ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจแต่ประการใด ทั้งนี้ ขอให้ชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในปีนี้ได้ ติดตามข่าวการแพร่ของไวรัสอย่างใกล้ชิด