เอพี – หน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศกรีซพากันปิดทำการในวันนี้ (6 พ.ย.) ที่สหภาพแรงงานทั้งหลายประกาศนัดหยุดงานประท้วงทั่วประเทศ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อคัดค้านการใช้มาตรการเข้มงวดทางด้านงบประมาณเพิ่มขึ้นอีก ในประเทศที่ยังคงเผชิญปัญหาหนี้สินอย่างร้ายแรงแห่งนี้
การประท้วงครั้งนี้ทำให้ระบบขนส่งมวลชนพากันหยุดวิ่ง เรือข้ามฟากและการรถไฟหยุดให้บริการ ศาลและโรงเรียนรัฐบาลพากันปิดทำการ และแม้แต่โรงพยาบาลของรัฐ และหน่วยรถพยาบาล ก็สั่งให้มีเฉพาะเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินคอยประจำการอยู่เท่านั้น
นอกจากนี้ ที่สนามบินยังประกาศยกเลิกเที่ยวบินอีกหลายสิบเที่ยว หรือไม่ก็เปลี่ยนตารางเวลาใหม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ควบคุมอากาศยานหยุดพักทำงาน 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เที่ยงวัน เพื่อสนับสนุนการนัดหยุดงาน
ที่กรุงเอเธนส์ มีกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์กว่า 1,000 คน พากันเดินขบวนไปหน้ารัฐสภากรีซ พลางร้องตะโกนคำขวัญต่อต้านนโยบายรัดเข็มขัด ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา ทั้งนี้ ขณะที่สหภาพแรงงานใหญ่ที่สุดในกรีซ 2 แห่งมีกำหนดที่จะจัดการเดินขบวนของพวกเขาเองในเวลาต่อไปของวันเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมมากกว่านี้
นับตั้งแต่ปี 2010 กรีซประทังชีวิตด้วยเงินกู้นานาชาติ จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และบรรดาชาติยุโรปอื่นๆ ที่ใช้เงินสกุลยูโร ภายหลังจากปัจจัยด้านลบต่างๆ เข้ามาสมทบกัน ทั้งในเรื่องความล้มเหลวในการกำกับตรวจสอบภาคการเงิน, การที่นักลงทุนหมดความเชื่อมั่น, และสภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกจนทำให้กรีซตกอยู่ในสภาพจวนเจียนจะล้มละลาย ขณะที่รัฐบาลชุดแล้วชุดเล่าที่ปกครองประเทศ ก็ได้ประกาศลดงบประมาณ และการขึ้นภาษีออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อทำตามเงื่อนไข ของเงินกู้มูลค่ารวม 2.4 แสนล้านยูโร
ทั้งนี้ การประท้วงคราวนี้เกิดขึ้นในเวลาที่รัฐบาลกรีซกำลังนัดประชุมกับคณะผู้ตรวจสอบหนี้ ของเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ 3 ฝ่าย ได้แก่ ไอเอ็มเอฟ ธนาคารกลางแห่งยุโรป และคณะกรรมาธิการยุโรป ที่รู้จักกันในนาม “ทรอยกา” เพื่อหารือกันว่าจะใช้มาตรการใดในการแก้ปัญหางบประมาณขาดดุลในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม กรีซ และทรอยกาเห็นต่างกันในเรื่องยอดขาดดุลงบประมาณ โดยเอเธนส์บอกว่ายอดขาดดุลยังคงอยู่ที่ 500 ล้านยูโร ซึ่งจะอุดช่องโหว่ทางการคลังได้โดยง่าย แต่ ยานนิส สตูร์นาราส รัฐมนตรีการคลังของกรีซต้องยอมรับตามที่บรรดาเจ้าหนี้ที่คาดหมายว่าการขาดดุลจะเป็น 5 เท่า และการที่รัฐบาลกรีซและคณะผู้ตรวจสอบนี้มาเจรจากันครั้งนี้ก็เพื่อขออนุมัติเงินกู้งวดต่อไปที่มีมูลค่า 1 พันล้านยูโร
รัฐบาลอนุรักษนิยมของกรีซเน้นย้ำว่า ไม่สามารถเรียกเก็บภาษีเพิ่มกับประชากรที่กำลังเดือดร้อนจากการจ่ายภาษีเงินได้ที่สูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ปี 2009 อีกทั้งยังต้องประสบกับปัญหาการว่างงานที่ทะยานสูงขึ้นเป็น 28 เปอร์เซ็นต์
