เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย ของเกาหลีใต้ กล่าวย้ำว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเปิดประชุมหารือระดับซัมมิตกับผู้นำญี่ปุ่น เว้นแต่แดนอาทิตย์อุทัยยอมขอโทษสำหรับความผิดในอดีต ถึงแม้ภูมิภาคแถบนี้ยังคงตกอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดจากโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ในประเด็นหลังนั้น ผู้นำหญิงของโสมขาวผู้นี้ประกาศว่า จะยุติวงจรอุบาทว์ ด้วยการจัดการกับการยั่วยุทางทหารจากโสมแดงอย่างแข็งกร้าว
ประธานาธิบดีพัคเข้ารับตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมคำมั่นในการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ และผลักดันกระบวนการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับเกาหลีเหนือ
เมื่อเร็วๆ นี้โซลบรรลุข้อตกลงขั้นต้นกับเปียงยางในการเปิดนิคมอุตสาหกรรมแกซองขึ้นมาใหม่ หลังจากเกาหลีเหนือสั่งปิดจากปัญหาความขัดแย้งช่วงต้นปี แต่สำหรับข้อตกลงอื่นๆ ซึ่งรวมถึงแผนการนำครอบครัวที่พลัดพรากจากกันจากสงครามเกาหลีกลับมาพบกันนั้น กลับไม่ได้รับการสนองตอบจากเกาหลีเหนือ
ทว่าถึงแม้เปียงยางส่งสัญญาณบ่งชี้ว่ามีความมุ่งมั่นในการเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ แต่ก็ยังมีบางประเทศกำลังกระตุ้นเรียกร้องให้รื้อฟื้นการเจรจากับโสมแดงขึ้นมาใหม่
ในการให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุและโทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษ ก่อนเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและชาติยุโรปอื่นๆ ในสัปดาห์นี้ พัคกล่าวว่า เกาหลีใต้จำเป็นต้องทำลายวงจรอุบาทว์ในการตอบแทนการคุกคามและข่มขู่ด้วยนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือด้วยรางวัลและการพะเน้าพะนอ ซึ่งจะตามมาด้วยการข่มขู่และคุกคามรอบใหม่เช่นนี้เรื่อยไป เพื่อไม่ให้เกาหลีเหนือเดินหน้าพัฒนาศักยภาพนิวเคลียร์จนถึงจุดที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้
“เพราะเมื่อถึงตอนนั้นเราจะไม่สามารถถกกันได้แล้วว่า เกาหลีเหนือควรครอบครองอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ แต่ต้องเปลี่ยนเป็นการเรียกร้องให้มีการเจรจาลดอาวุธ" นิวเคลียร์
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์หลายครั้ง รวมทั้งทำการทดสอบยิงจรวดพิสัยไกล ฟื้นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในยองบอนขขึ้นใหม่ และระดมยิงปืนใหญ่ใส่เกาะของเกาหลีใต้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน ซึ่งรวมถึงพลเรือน นอกจากนั้นโสมแดงยังถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการแอบใช้เรือดำน้ำเข้าจมเรือรบลำหนึ่งของโสมขาวที่มีลูกเรือ 46 คน
อย่างไรก็ดี พฤติกรรมอันดื้อรั้นไม่ฟังใครเช่นนี้ของเกาหลีเหนือ กลับกำลังค่อยๆ ดึงให้มิตรและศัตรูของโสมแดงหันมาปรองดองกัน เป็นต้นว่ามติเพิ่มการลงโทษคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในปีนี้ ได้รับการรับรองจากทั้งจีนและอเมริกา ขณะที่ พัค ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเอิกเกริกเมื่อครั้งเยือนปักกิ่งในเดือนมิถุนายน
พัคกล่าวว่า จีนเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดสนิทสนม และเกาหลีใต้กำลังดำเนินการโครงการมากมายเพื่อส่งเสริมมิตรภาพนี้
ทั้งหมดนี้ทำให้ความสัมพันธ์ปัจจุบันระหว่างโซลกับโตเกียวเป็นที่จับตามากยิ่งขึ้น เพราะหลังจากครองตำแหน่งมาถึง 8 เดือน พัคยังไม่เคยพบกับผู้นำญี่ปุ่นที่เป็นทั้งเพื่อนบ้านและพันธมิตรของอเมริกาเช่นเดียวกันกับเกาหลีใต้ มิหนำซ้ำเธอยังประกาศว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมในการประชุมสุดยอดกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ
ผู้นำเกาหลีใต้แจกแจงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมีความซับซ้อนจากปัญหาบางอย่าง เช่น ประเด็นหญิงบำเรอกาม ในช่วงสงครามที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขหรือจัดการ
การที่ญี่ปุ่นบีบบังคับนำเอาหญิงจำนวนมากมาบำเรอทหารของตนในช่วงสงครามที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองประเทศต่างๆ ระหว่างปี 1910-1945 สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อเกาหลีใต้ เช่นเดียวกับการอ้างสิทธิ์เหนือเกาะด็อกโด (หรือทาเกชิมะในภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งอยู่ในบริเวณน่านน้ำระหว่างสองประเทศในทะเลญี่ปุ่น (ทะเลตะวันออก)
“หากญี่ปุ่นยังคงยึดมั่นกับมุมมองในอดีตและเน้นย้ำความคิดเห็นนั้น เราจะประชุมสุดยอดเพื่ออะไร อาจดีกว่าที่จะไม่ต้องจัดกันเลย
“หากญี่ปุ่นยังพร่ำพูดว่า ไม่จำเป็นต้องขอโทษ และไม่จำเป็นต้องยอมรับการทำผิดในอดีต การประชุมสุดยอดจะมีประโยชน์อะไร” พัค กล่าวย้ำกับบีบีซี
หลายเดือนมานี้ อเมริกาพยายามทำให้สองชาติพันธมิตรสำคัญทางการทหารในเอเชียคู่นี้ปรองดองกัน แต่ไม่มีความคืบหน้ามากนัก
การยืนหยัดจุดยืนในประเด็นเหล่านี้ของญี่ปุ่นยังสร้างความขุ่นเคืองต่อเพื่อนร่วมภูมิภาคอื่นๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่มีความเสี่ยงที่เปียงยางใกล้ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งการร่วมมือในภูมิภาคอาจมีผลชี้ขาดสถานการณ์นี้
มีการคาดการณ์กันมากขึ้นว่า การเจรจา 6 ฝ่ายว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ อาจถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่นักวิเคราะห์มองว่า ซัมมิตระหว่างพัคกับอาเบะจะช่วยเน้นย้ำจุดยืนที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อเปียงยางได้
การปิดโอกาสโดยสิ้นเชิงของพัคครั้งนี้ยังมีขึ้นหลังจากที่ผู้นำหญิงแดนอารีดังให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโรของฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ยังคงเปิดโอกาสสำหรับการประชุมสุดยอดกับคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ