เอเจนซีส์ – หนังสือพิมพ์ “การ์เดียน” เปิดโปงต่อในวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) ทางการออสเตรเลีย-อเมริการ่วมกันสอดแนมอินโดนีเซียในระหว่างการประชุมโลกร้อนของยูเอ็นซึ่งแดนอิเหนาเป็นเจ้าภาพที่เกาะบาหลีเมื่อ 6 ปีที่แล้ว
หนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษฉบับเผยแพร่ในออสเตรเลียรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (3) โดยอ้างอิงเอกสารจากสโนว์เดนว่า กรมการสื่อสารเพื่อการป้องกันประเทศ (Defense Signals Directorate หรือ ดีเอสดี) ซึ่งเป็นหน่วยงานจารกรรมของแดนจิงโจ้ ได้ร่วมมือกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) ในความพยายามที่จะแอบเก็บข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ของพวกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอินโดนีเซีย ระหว่างที่แดนอิเหนาเป็นเจ้าภาพการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อปี 2007
จากเอกสารที่ว่าด้วยการปฏิบัติการคราวนี้ ซึ่งรวมถึงรายงานประจำสัปดาห์ฉบับหนึ่งของปี 2008 จากฐานปฏิบัติการของเอ็นเอสเอใน ไพน์ แก็ป, ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นฐานในต่างแดนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของหน่วยงานอเมริกันแห่งนี้ ได้ระบุว่า เป้าหมายของปฏิบัติการดังกล่าวคือ เพื่อให้เข้าใจในโครงสร้างทางเครือข่ายของแดนอิเหนาที่จะต้องเข้าทำการดักฟังเก็บข้อมูล ในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา
ตามรายงานของการ์เดียน การปฏิบัติการคราวนี้ส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมดูจะมีเพียงหมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้บัญชาการตำรวจบาหลีเท่านั้น ถึงแม้ความพยายามคราวนี้ “ได้เปิดเผยให้เห็นว่ามีเครือข่ายการติดต่อสื่อสารของฝ่ายอินโดนีเซียซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยทราบมาก่อน และทำให้เราอยู่ในฐานะที่จะต้องเก็บรวบรวมเพิ่มเติมในเหตุการณ์ที่เกิดวิกฤตขึ้นมา”
ถึงแม้การปฏิบัติการจะไม่ค่อยได้อะไรเป็นชิ้นเป็นนัก แต่ก็สามารถสร้างความกระอักกระอ่วนแก่ออสเตรเลียไม่น้อย เนื่องจากขณะนั้นเควิน รัดด์ เพิ่งได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีแดนจิงโจ้และเข้าร่วมประชุมซัมมิตที่บาหลีครั้งนั้นโดยถือเป็นการขึ้นเวทีนานาชาติระดับสำคัญครั้งแรก โดยได้รับคำเชิญของประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ของอินโดนีเซีย
นอกจากนั้น ข่าวนี้ยังมีแนวโน้มทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแคนเบอร์รากับจาการ์ตาในปัจจุบันร้าวฉานยิ่งขึ้น หลังจากสัปดาห์ที่แล้วนิตยสารแดร์ ชปีเกล ของเยอรมนีออกมาเปิดโปงโดยอ้างอิงข้อมูลจากสโนว์เดนว่า สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียในประเทศต่างๆ ทางแถบเอเชียประเทศ มีส่วนร่วมในเครือข่ายสอดแนมในเอเชียของอเมริกา จนทำให้อินโดนีเซีย จีน มาเลเซีย รวมถึงไทย ออกมาเรียกร้องให้วอชิงตันอธิบายเรื่องนี้ และแดนอิเหนากับแดนเสือเหลืองนั้นถึงขั้นเรียกเอกอัครราชทูตแดนจิงโจ้มาประท้วง