เอพี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันลงอีกครั้งในวันพฤหัสบดี (31) จากคลังเชื้อเพลิงสำรองที่สูงลิ่วของสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทก็ปรับลดตามแรงฉุดของรายงานผลประกอบการบริษัท ขณะที่ทองคำดิ่งหนักกว่า 25 ดอลลาร์ นักลงทุนเก็งเฟดอาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วกว่าที่คาด
สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 39 เซ็นต์ ปิดที่ 96.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 108.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สต๊อกน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม และในรายงานประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ตุลาคม ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธ (30) ก็ย้ำให้เห็นถึงอุปสงค์ที่อ่อนแออย่างมากในชาติผู้บริโภครายใหญ่ของโลกแห่งนี้ หลังพบคลังน้ำมันดิบสำรองเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายถึง 2 เท่า
“สต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 28.2 ล้านบาร์เรล ในช่วง 6 สัปดาห์หลังสุดและมีโอกาสจะสูงกว่านี้อีก” ธีโมที อีแวนส์ จากซิตี ฟิวเจอร์สกล่าว ขณะที่ความเคลื่อนไหวของน้ำมันดิบเบรนท์ ยังเป็นผลจาก นักลงทุนคลายกังวลต่อปัญหาอุปทานขาดแคลน หลังลิเบีย ยังไม่ปรับลดการผลิตน้ำมันดิบที่ส่งออกไปยังโรงกลั่นต่างๆในยุโรป
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (31) ขยับลงเล็กน้อย จากรายงานผลประกอบการของบริษัทหลายแห่ง แต่โดยรวมตลอดทั้งเดือนตุลาคม ก็ยังคงปิดเหนือกว่าเดือนกันยายน
ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 73.01 จุด (0.5 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,545.75 จุด เอสแอนด์พี 500 ลดลง 6.77 จุด (0.4 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,756.54 จุด แนสแดคลดลง 10.91 จุด (0.3 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,919.71 จุด
รวมตลอดทั้งเดือนตุลาคม เอสแอนด์พี 500 ดีดตัวขึ้นกว่าร้อยละ 4.5 ถือเป็นเดือนที่ปิดบวกมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แม้มีความไม่แน่นอนจากภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนและการเฉียดใกล้ผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ ก็ตาม
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของตลาดในวันพฤหัสบดี (31) ถูกฉุดโดยหุ้นของคราฟต์ ฟูดส์ และเม็ตไลฟ์ ที่ปิดในแดนลบ หลังรายงานผลประกอบการของทั้งสองบริษัทไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์เอาไว้
ส่วนราคาทองคำวานนี้ (31) ร่วงลงหนัก จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและนักลงทุนคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจลดระดับการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วกว่าที่คาด โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 25.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,323.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ในถ้อยแถลงตามหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเมื่อวันพุธ (30) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มองว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ และความเห็นดังกล่าวนี้เองที่ทำให้เหล่านักลงทุนพากันคาดเดาว่าเฟดอาจลดระดับเข้าซื้อพัธบัตรรายเดือนเร็วกว่าที่กะเก็งกัน