xs
xsm
sm
md
lg

จนท.ปากีฯ และอดีตนายกฯ รุดปัดข่าวอนุญาตให้สหรัฐฯ ใช้โดรนถล่มก่อการร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online





เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ปากีสถาน และอดีตนายกรัฐมนตรียูซูฟ ราซา กิลานี ในวันพฤหัสบดี (24) ออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่าพวกเขาอนุญาตให้มีปฏิบัติการโดรนภายในดินแดนประเทศ ยืนยันคัดค้านภารกิจดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานโดยอ้างเอกสารลับที่รั่วไหลเมื่อวันพุธ (23) ระบุว่า ปากีสถานได้รับฟังบรรยายสรุปต่อปฏิบัติการโจมตีด้วยเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับ (โดรน) เป็นประจำจนกระทั่งช่วงปลายปี 2011 และในบางกรณียังได้ช่วยเหลือเป้าหมายอีกด้วย

หลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าอิสลามาบัดมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถูกเปิดโปงออกมาขณะที่นายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ พบปะกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ทำเนียบขาวและเรียกร้องผู้นำสหรัฐฯ ยุติปฏิบัติการโจมตีทางอากาศด้วยโดรน ซึ่งก่อความขุ่นเคืองแก่ประชาชนชาวปากีสถานอย่างกว้างขวาง

ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศปากีสถานยืนยันว่า รัฐบาลนายชารีฟซึ่งได้รับเลือกตั้งมาในเดือนพฤษภาคม มีจุดยืนที่ชัดเจนมาตลอดสำหรับต่อต้านโดรนและบอกว่าข้อตกลงใดๆ ในอดีตไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกต่อไป

เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของปากีสถานอ้างว่า เรื่องราวดังกล่าวที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชนสหรัฐฯ เป็นความพยายามของอเมริกาที่ต้องการกัดเซาะจุดยืนของชารีฟและลดกระแสวิจารณ์ต่อปฏิบัติการโจมตีด้วยโดรน ไม่กี่วันหลังจากรายงานขององค์การนิรโทษกรรมสากลเตือนว่าการโจมตีบางครั้งอาจเข้าองค์ประกอบของอาชญากรสงคราม

การเปิดโปงของวอชิงตันโพสต์พาดพิงถึงปฏิบัติการโจมตีหลายต่อหลายครั้งในระยะเวลา 4 ปีตั้งแต่ปลายปี 2007 ช่วงที่นายเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ ประธานาธิบดีเผด็จการทหารครองอำนาจ จนถึงปลายปี 2011 ที่อำนาจถูกถ่ายโดนสู่รัฐบาลพลเรือน

ด้านกิลานี ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2008 ถึงเดือนมิถุนายนปีก่อน ปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่เคยอนุญาตให้ใช้เครื่องบินสอดแนมไร้คนขับโจมตีใดๆ “เราไม่เคยอนุญาตให้สหรัฐฯ ดำเนินการโจมตีด้วยโดรนในพื้นที่ชนเผ่า เราต่อต้านปฏิบัติการโจมตีนี้มาตั้งแต่ต้นและเราสื่อถึงเรื่องนี้ไปยังอเมริกาในทุกการประชุม”
ชาวปากีสถานประท้วงไม่เอาเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับของสหรัฐฯ
อิสลามาบัดมักออกมาประณามการโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับต่ออป้าหมายต้องสงสัยตอลิบานและนักรบอัลกออิดะห์ในแถบพื้นที่ชนเผ่าทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเป็นประจำ แต่หลักฐานของการสมรู้ร่วมคิดและอนุญาตทางยุทธศาสตร์เพิ่งถูกแฉออกมาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เอกสารลับทางการทูตจากแอนเน แพตเตอร์สัน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น ลงวันที่เดือนสิงหาคม 2008 ที่ถูกเผยแพร่โดยวิกิลีกส์ บ่งชี้ว่า กิลานี เห็นชอบอย่างลับๆต่อปฏิบัติการโจมตีด้วยโดรน “ผมไม่สนใจหรอก ตราบใดที่มันโจมตีถูกคน เราก็แค่จะประท้วงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ จากนั้นก็ปล่อยผ่านเลยไป” เอกสารลับด้างคำกล่าวจองเขาที่พูดกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายมูชาร์ราฟก็ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่าเขาเคนอนุมัติการโจมตีด้วยโดรนในปากีสถานหลายครั้งตอนที่ยังอยู่ในอำนาจ และในวันพุธ (23) โฆษกของอดีตประธานาธิบดีรายนี้ก็บอกกับเอเอฟพีว่า “มีการโจมตีราว 10 ครั้ง ทั้งหมดมีเป้าหมายที่พวกนักรบ และมีบางภารกิจที่เป็นปฏิบัติการร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ และปากีสถาน โดยเฉพาะในตำแหน่งที่กองกำลังภาคพื้นของปากีสถานเข้าไปไม่ถึง”

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานด้วยว่า ในเอกสารลับสุดยอดและบันทึกทางการทูตของปากีสถาน ยังได้แสดงให้เห็นว่าหน่วยข่าวกรองกลาง ซึ่งรับผิดชอบด้านโครงการเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับ มีเอกสารฉบับร่างเกี่ยวกับการแบ่งปันข้อมูลกับปากีสถาน ในปฏิบัติการโจมตีอย่างน้อยๆ 65 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของปากีสถานปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่าไม่เคยมีส่วนช่วยเหลือต่อการโจมตีทางอากาศด้วยโดรนใดๆ “ไม่เคยมีการเตรียมการอย่างเป็นทางการทั้งระดับยุทธศาสตร์และระดับรัฐบาล วัตถุประสงค์ของการนำเสนอข่าวนี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การที่อเมริกาพยายามลดกระแสความกดดันและลากเอาปากีสถานเข้าไปมีส่วนร่วมในประเด็นทั้งหมด”

เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของปากีสถานอีกรายบอกว่าวอชิงตันเพียงแค่ต้องการกระจายความรับผิดชอบไปยังผู้อื่น เนื่องจากตนเองตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ที่เรียกร้องให้ระงับปฏิบัติการโจมตีด้วยเครื่องบินสอดแนม

จากข้อมูลพบว่า สหรัฐฯ ดำเนินการโจมตีด้วยโดรนในแถบพื้นที่ชนเผ่าห่างไกลของปากีสถานติดกับชายแดนอัฟกานิสถาน เกือบๆ 400 ครั้ง คร่าชีวิตผู้คนราว 2,500 ถึง 3,600 ศพ ขณะที่นายชารีฟ บอกเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่าปฏิบัติการถล่มด้วยเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับ คือประเด็นสำคัญที่กัดเซาะความสัมพัน์กับสหรัฐฯ ที่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ตามหลังกระทบกระทั่งหลายต่อหลายครั้งช่วงปี 2011 และ 2012 ในนั้นรวมถึงกรณีที่กองกำลังพิเศษของสหรัฐฯ บุกเข้าไปยังปากีสถานเพื่อสังหารนายอุซามะห์ บิน ลาดิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบ
กำลังโหลดความคิดเห็น