xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษเอพี : “มอนซานโต” กำลังฆ่า “อาร์เจนตินา” อยู่เบื้องหลังปัญหาสุขภาพ “พิการในครรภ์จนถึงมะเร็ง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฟาเบียน โทมาซี อดีตคนงานในฟาร์มที่อาร์เจนตินาทำหน้าที่ขับเครื่องบินพ่นยาปราบศัตรูพืช ปัจจุบันอายุ 47 ปี แทบจะลุกเดินไปไหนไม่ได้หรือกระทั่งจะเข้าห้องน้ำด้วยตนเอง และนอกจากนี้ยังมีความลำบากที่จะต้องกลืนอาหารลงไป
เอพิ/เอเจนซีส์ - รายงานพิเศษของเอพีในวันอาทิตย์ (20) ถึงความเชื่อมโยงระหว่างปัญหาสุขภาพของชาวอาร์เจนตินาตั้งแต่ความพิการตั้งแต่กำเนิดจนกระทั่งไปถึงมะเร็งกับผลิตภัณฑ์ปราบศัตรูพืชของบริษัทผลิตภัณฑ์เคมีการเกษตรยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ “มอนซานโต” เช่น การพ่นสารปราบศัตรูพืช อาทิ “ราวนด์อัพ” ที่มีจำหน่ายในไทยเช่นกัน ใกล้กับแหล่งชุมชน จนทำให้มีสารพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อม จนกระทั่งถึงตกค้างในกระแสเลือดของเด็กชาวอาร์เจนตินา ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการขาดการควบคุมจากรัฐบาลอาร์เจนตินาอย่างมีเอกภาพจึงทำให้เกษตรกรของประเทศใช้สารเคมีการเกษตรอย่างผิดวิธีอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ

เอพีได้รายงานเชิงวิเคราะห์ในวันอาทิตย์ (20) แสดงถึงความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างการใช้ผลิตภัณฑ์ปราบศัตรูพืชที่จำหน่ายโดยบริษัทผลิตภัณฑ์เคมีการเกษตรอเมริกัน “มอนซานโต” และปัญหาสุขภาพของชาวอาร์เจนตินาที่มีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งเป็นผลจากการขาดกฏหมายควบคุมที่เด็ดขาด ทำให้การใช้ผลิตภัณฑ์มอนซานโตอย่างผิดพลาดนั้นแพร่หลายเป็นวงกว้างในอาร์เจนตินา ทำให้ประชาชนอาร์เจนตินาที่อยู่ในที่ห่างไกลเจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก และรวมถึงแหล่งน้ำของท้องถิ่นเกิดการปนเปื้อนขึ้น

จังหวัดซานตาเฟ เม็กซิโก ถือเป็นแหล่งผลิตข้าวโพดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ได้ประกาศห้ามไม่ให้ใช้สารปราบศัตรูพืชในรัศมีที่น้อยกว่า 500ม.ห่างจากเขตชุมชน แต่อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดซานตาเฟพบหลักฐานว่า มีสารเคมีเป็นพิษถูกใช้ห่างจากบ้านเรือนในระยะที่น้อยกว่า 30 ม.

ฟาเบียน โทมาซี คนงานในฟาร์ม ที่ไม่เคยถูกสอนให้ใช้สารเคมีปราบศัตรูพืชอย่างถูกต้อง โดยตามหน้าที่ของโทมาซีที่ต้องทำอยู่คือ การขับเครื่องบินพ่นสารเคมีปราบศัตรูพืช ซึ่งหมายความว่าเขาต้องเติมสารเคมีในถังบรรจุอย่างรวดเร็วและปฎิเสธไม่ได้เลยว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายต้องสัมผัสกับสารพิษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เครื่องบินพ่นยาปราบศัตรูพืชที่นิยมมากในอาร์เจนตินา และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สุขภาพของชาวอาร์เจนตินาทรุดโทรมอย่างร้ายแรงทั้งๆที่มีกฏหมายห้ามการใช้ใกล้เขตชุมชนก็ตาม
ซึ่งในขณะนี้โทมาซี มีอายุได้ 47 ปี และเป็นแค่โครงกระดูกเดินได้ เขาแทบจะลุกเดินไปไหนไม่ได้หรือกระทั่งจะเข้าห้องน้ำด้วยตนเอง และนอกจากนี้ยังมีความลำบากที่จะต้องกลืนอาหารลงไป

ทางด้าน แอนเดรีย ดรูเอ็ตตา ครูที่อาศัยอยู่ในจังหวัดซานตาเฟเช่นกัน ซึ่งเป็นจังหวัดที่ห้ามไม่ให้พ่นสารปราบศัตรูพืชในรัศมีที่น้อยกว่า 500 ม.ห่างจากเขตชุมชน แต่ทว่ามีไร่ถั่วเหลืองปลูกห่างจากจากประตูหลังบ้านเธอไปราว 30 ม.และลูกชายของเธอว่ายน้ำในสระว่ายน้ำหลังบ้านที่เต็มไปด้วยสารพิษตกค้าง

และหลังจากที่โซเฟีย กาติคาได้สูญเสียทารกแรกคลอดของเธอด้วยโรคไตล้มเหลวแล้ว เธอได้ทำการฟ้องต่อศาลอาร์เจนตินาข้อหาพ่นสารเคมีปราบศัตรูพืชโดยผิดกฏหมาย ในปี 2012 มีคำพิพากษาออกมาในที่สุด แต่กระนั้นมันสายเกินไปต่อชุมชนที่เธออาศัยอยู่ราว 5,300 ครัวเรือน ใน Ituzaingo Annex และทำให้รัฐบาลอาร์เจนตินาต้องศึกษาถึงผลกระทบต่อการใช้สารเคมีทางการเกษตร และพบว่ามีระดับอันตรายของของสารพิษปนเปื้อนอยู่ในดินและแหล่งน้ำภายในประเทศ นอกจากนี้ยังพบว่า จำนวนกว่า 80% ของเด็กอาร์เจนตินาที่ได้รับการสำรวจนั้นมีร่องรอยการพบสารพิษทางการเกษตรตกค้างในกระแสเลือด
ปศุสัตว์ในอาร์เจนตินานั้นถูกเลี้ยงด้วยข้าวโพดและถั่วเหลืองตัดแต่ง
โดยในปี 1996 อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพของอเมริกา “มอนซานโต” ได้ทำให้อาร์เจนตินากลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีตัดแต่งทางพันธุกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร จนทำให้ในปัจจุบันนี้ อาร์เจนตินากลายเป็นแหล่งปลูกถั่วเหลืองใหญ่เป็นอันดับสามของโลก แต่ทว่าความนิยมการใช้เคมีทางการเกษตรในอาร์เจนตินานั้นกลับไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่กับ ถั่วเหลือง ฝ้าย และข้าวโพดเท่านั้น

โดยทางเอพีได้ทำการศึกษาพบว่า มีตัวอย่างหลายสิบคดีที่เกิดขึ้นทั่วประเทศอาร์เจนตินาที่สารเคมีทางการเกษตรของมอนซานโตได้ใช้อย่างผิดวิธี ซึ่งการใช้เครื่องบินพ่นสารเคมีทางการเกษตรผ่านโรงเรียน บ้านเรือน ทำให้สารพิษได้ตกค้างลงสู่แหล่งน้ำที่ใช้บริโภคในชุมชน เกษตรกรอาร์เจนตินาผสมสารปราบศัตรูพืชโดยปราศจากเครื่องป้องกัน รวมไปจนถึงชาวเมืองใช้ภาชนะบรรจุยาฆ่าแมลง หรือยาฆ่าหญ้ามาเป็นภาชนะรองน้ำเพื่อใช้ในครอบครัวทั้งๆที่ภาชนะบรรจุเหล่านี้ควรจะทิ้งไป
เด็กชายชาวอาร์เจตินาที่อาศัยในจังหวัดชาโกป่วยด้วยโรคน้ำคั่งในสมองแต่กำเนิด ดดยมารดาของเขากล่าวหาว่าการพ่นสารเคมีการเกษตรเป็นตัวการความเจ็บป่วยของลูกชายของเธอ และทำให้เธอต้องแท้งบุตรถึง 2 ครั้ง 
และในขณะนี้แพทย์อาร์เจนตินาได้เตือนว่าการใช้เคมีการการเกษตรอย่างไม่ควบคุมนั้นได้ส่งผลร้ายก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกับประชากรอาร์เจนตินาจำนวน 12 ล้านคนที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศแล้ว

นอกจากนี้ การศึกษาของเอพีได้พบว่า อัตราการเกิดของมะเร็งในจังหวัดซานตาเฟ ได้เพิ่มจาก 2 เป็น 4 เท่า มากกว่าที่เกิดทั่วอาร์เจนตินา ในขณะที่จังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงจังหวัดซานตาเฟ เช่น ชาโก นั้นพบว่ามีปัญหาความพิการแต่กำเนิดเพิ่มเป็น4เท่าตั้งแต่มีการใช้เทคโนโลยีชีวภาพในภาคเกษตรกรรมอาร์เจนตินาเมื่อ 10 ปีก่อน และรายงานยังได้พบว่า มีอัตราผู้ป่วยสูงในโรคต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติและโรคระบบหายใจเรื้อรังมากในจังหวัดนี้

ในปี 1996 บริษัท มอนซานโต ที่มีฐานอยู่ในรัฐมิสซูรี เมืองเซ็นต์หลุยส์ ได้แนะนำเมล็ดพืชตัดแต่งพันธุกรรมที่จดทะเบียนภายใต้ชื่อของบริษัทสู่ภาคการผลิตของอาร์เจนตินา โดยทั้งเมล็ดพืชปรับปรุงใหม่นี้ให้ผลผลิตสูงและทนต่อแมลงและโรคพืชและสารเคมีปราบศัตรูพืชของมอนซานโตทำให้โฉมหน้าทางการเกษตรของอาร์เจนตินาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

โดยในปัจจุบันนี้ ถั่วเหลืองที่ปลูกในอาร์เจนตินา รวมไปจนถึงจำนวนเกือบจะทั้งหมดของข้าวโพด ข้าวสาลี และฝ้ายที่ปลูกไว้ในประเทศนั้นเป็นผลผลิตที่ได้จากเทคโนโลยีการตัดแต่งทางพันธุกรรมของบริษัท มอนซานโต จำนวนไร่ถั่วเหลืองในอาร์เจนตินาเพิ่มเป็น 3 เท่า หรือ47 ล้านเอเคอร์ และเหมือนกับที่เกิดในสหรัฐฯ ปศุสัตว์ในอาร์เจนตินานั้นถูกเลี้ยงด้วยข้าวโพดและถั่วเหลืองตัดแต่งพันธุกรรม

แต่ทว่าวัชพืชและแมลงกับมีความทนทานมากขึ้น ทำให้เกษตรกรอาร์เจนตินาต้องเพิ่มการใช้สารปราบศัตรูพืชมากขึ้นถึง 9 เท่า โดยเพิ่มจากจำนวน 34 ล้านลิตรในปี 1990 เป็น 317ล้านลิตรในปัจจุบันนี้ กล่าวโดยสรุป เกษตรกรอาร์เจนตินาใช้สารเคมีทางการเกษตรเข้มข้นราว 1.95 กก. ต่อพื้นที่ 1 เอเคอร์ ซึ่งมากเป็น 2 เท่าที่เกษตรกรอเมริกันใช้ อ้างจากข้อมูลการวิเคราะห์ของเอพีที่ได้จากข้อมูลของหน่วยงานรัฐและตัวเลขจากอุตสาหกรรมการเกษตร
เด็กฝาแฝดชาวอาร์เจนตินาที่อาศัยในจังหวัดชาโกป่วยด้วยโรคระบบหายใจเรื้อรัง
ค็อกเทลสารพิษของมอนซานโต

Glyphosateเป็นสารเคมีหลักใน “ราวนด์อัพ” ยาปราบวัชพืชของมอนซานโตที่โด่งดังไปทั่วโลก และมีจัดจำหน่ายในไทยด้วยนั้น โดยทางหน่วยงานในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปถือว่าปลอดภัย “หากใช้อย่างเหมาะสม” และในขณะที่หน่วยงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯประกาศในวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้ว่า สารตกค้างของ Glyphosate (ที่อ้างจากการศึกษาของมอนซานโต)ที่พบในอาหารนั้นไม่มีอันตรายต่อผู้ใหญ่ รวมไปจนถึงทารก หรือเด็กถ้าเกิดการสัมผัสทางใดทางหนึ่งในปริมาณมาก

แต่อย่างไรก็ตาม เอพีกลับพบว่าสาร Glyphosate นี้ ที่ใช้กันในหลายรูปแบบที่ “ไม่ได้รับรองจากหน่วยงานวิทยาศาสตร์ในอาร์เจนตินาว่าสามารถกระทำได้ หรือมีการถูกห้ามใช้จากกฏหมายอาร์เจนตินาที่เดิมมีอยู่ก่อนแล้ว”
เกษตรกรชาวอาร์เจนตินาที่อยู่ในจังหวัดชาโกในบริเวณที่ยังไม่มีประปาใช้ภาชนะบรรจุยาฆ่าแมลง หรือยาฆ่าหญ้ามาเป็นภาชนะรองน้ำเพื่อใช้ในครอบครัวทั้งๆที่ภาชนะบรรจุเหล่านี้ควรจะทิ้งไป โดยน้ำจะถูกใช้ในห้องสุขา รวมไปถึงให้ไก่ที่เลี้ยงไว้ และซักผ้า
โดยมีกฎหมายที่ห้ามต่างกันไปตามท้องถิ่น 23 จังหวัด เช่น มีการห้ามพ่นสารเคมีทางการเกษตรในระยะ 3 กม. ในเขตชุมชนในบางจังหวัดของอาร์เจนตินา และในขณะที่จังหวัดอื่นอาจจะห้ามไม่ให้มีการพ่นไว้ในระยะห่างไม่ถึง 50 ม.โดย 1 ใน 3 ของจังหวัดทั้งหมดในประเทศไม่ได้กำหนดระยะห่าง และเกือบจะทั้งหมดไม่ได้ระบุรายละเอียดในนโยบายการบังคับใช้

นอกจากนี้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลอาร์เจนตินาระบุว่าให้ผู้ใช้สารเคมีการเกษตรเลิกใช้หากพบว่าจะมีผลเสียต่อสาธารณสุขโดยรวมถึงแม้ว่าการใช้นั้นจะยังไม่มีผลอธิบายทางวิทยาศาสตร์ยืนยันในอันตรายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมก็ตาม แต่ทว่ากฏหมายนี้ไม่เคยบังคับใช้กับการทำการเกษตร ซึ่งหน่วยงานตรวจเงินแผ่นดินอาร์เจนตินาเป็นผู้พบความผิดพลาดนี้ในปี 2012
คาเมลา เวรอน วัย2 ปี ที่เกิดมาด้วยควมพิการแต่กำเนิด โดยแพทย์ได้บอกกับมารดาของเธอว่า สารเคมีการเกษตรอาจเป็นตัวการของความบกพร่องของอวัยวะหลายส่วนแต่กำเนิดของเธอ
และจากที่มีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมากในเรื่องนี้ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา กริซตินา เฟร์นันเดช เด กีร์ชเนร์ ได้สั่งให้มีการศึกษาในปี 2009 ถึงผลกระทบการพ่นสารเคมีทางการเกษตรต่อปัญหาสุขภาพ แต่ทว่าตั้งแต่ในปี 2010 กลับไม่มีผลออกมาว่ามีการพบสิ่งเชื่อมโยงแต่อย่างใด ในขณะที่ในปีก่อนหน้านี้หน่วยงานตรวจเงินแผ่นดินอาร์เจนตินากลับพบการเชื่อมโยง ซึ่งในปีที่ผ่านมามีข้อกล่าวหาที่อื้อฉาวว่าผู้นำประเทศอาร์เจนตินารับสินบนจากบริษัทยักษ์ใหญ่เคมีการเกษตรจากสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีการเกษตรอาร์เจนตินากล่าวหลังจากมีรายงานการวิเคราะห์ของเอพีชิ้นนี้ปรากฏออกมาว่า “มันไม่ใช่เรื่องการขาดการวิจัย แต่เป็นเรื่องที่การให้ข้อมูลที่ผิดพลาดกับประชาชนในเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ ประชาชนอาร์เจนตินาที่ได้รู้ข่าวเรื่องนี้ต่างรู้สึกสับสนและมึนงง อาร์เจนตินาถือว่าเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลก เราต้องมีคำอธิบายในเรื่องนี้”
กองภาชนะที่ใส่สารเคมีการเกษตรถูกรวบรวมไว้เพื่อการนำกลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งขัดกับคำแนะนำของทางการที่ให้ทิ้งภาชนะบรรจุพวกนี้ในที่จัดไว้
ด้านโฆษกของมอนซานโต โธมัส เฮลส์เชอร์ กล่าวตอบโต้รายงานของเอพีผ่านแถลงการว่า “ทางบริษัทไม่ยกโทษให้ต่อการใช้สารเคมีปราบศัตรูพืชอย่างผิดวิธี หรือผิดกฎหมาย หรือละเมิดคำสั่งศาล ทางมอนซานโตมีความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างจริงจัง และยังติดต่ออย่างสม่ำเสมอกับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อทำให้มั่นใจว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม”
นักเรียนอาร์เจนตินา2คนขับรถมอร์เตอร์ไซด์ผ่าน ไร่ข้าวโพดตัดแต่งพันธุกรรม ในจังหวัดซานเตียโกเดลเอสเตโร

กำลังโหลดความคิดเห็น