รายงานชี้ อินโดนีเซียแซงหน้าจีน ขึ้นแท่น ดินแดนต้นตอการโจมตีทางไซเบอร์สูงสุดในโลก

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รายงานล่าสุดชี้ อินโดนีเซียแซงหน้าสาธารณรัฐประชาชนจีน ขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ในฐานะดินแดนที่เป็นต้นตอของการโจมตีไซเบอร์มากที่สุดในโลก

รายงานซึ่งจัดทำโดยทีมผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์ของบริษัท “อกาไม เทคโนโลยีส์ อิงค์” ผู้ให้บริการดูแลเครือข่ายอินเทอร์เน็ทรายใหญ่ของโลกซึ่งมีฐานอยู่ที่มลรัฐแมสซาชูเซ็ตต์สของสหรัฐฯ ระบุว่า อินโดนีเซียแซงหน้าจีนขึ้นเป็นแหล่งต้นตออันดับ 1 ของการโจมตีทางไซเบอร์ของโลก ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนว่า แฮกเกอร์จากแดนอิเหนา ซึ่งเป็นประเทศมุสลิมใหญ่ที่สุดในโลกกำลังกลายเป็น “ภัยคุกคามใหม่” ที่หลายประเทศต้องพึงระวัง

รายงานระบุว่า สัดส่วนการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีต้นตอมาจากอินโดนีเซียนั้นคิดเป็นสัดส่วนถึง 38 เปอร์เซ็นต์ของการโจมตีไซเบอร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เพิ่มสูงขึ้นจาก 21 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสแรก ขณะที่แชมป์เก่าหลายสมัยอย่างจีนร่วงลงมาอยู่ในอันดับที่ 2 โดยพบการโจมตีไซเบอร์ที่มีต้นตอมาจากจีนราว 1 ใน 3 ของการโจมตีทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายนปีนี้

ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงรั้งอันดับที่ 3 ในฐานะประเทศต้นตอของการโจมตีทางไซเบอร์ แม้สัดส่วนการโจมตีที่มาจากเมืองลุงแซมจะลดลงเหลือเพียง 6.9 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสสองของปีนี้

ด้าน ทอม เลห์ตัน ซีอีโอของบริษัท อกาไม เทคโนโลยีส์ ระบุว่า การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการโจมตีไซเบอร์ที่มีต้นตอจากอินโดนีเซีย ถือเป็นภัยคุกคามใหม่ที่ประชาคมระหว่างประเทศต้องจับตาอย่างใกล้ชิดและหาทางรับมือ

พร้อมเผยว่าสัดส่วนการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีต้นตอมาจากแดนอิเหนาในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ที่สูงถึง 38 เปอร์เซ็นต์ของการโจมตีไซเบอร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้น ถือเป็นตัวเลขที่ “น่าตื่นตระหนก” อย่างยิ่ง เนื่องจากก่อนปี 2013 สัดส่วนการโจมตีจากอินโดนีเซียยังมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

เลห์ตันยังชี้ว่า ความเร็วเฉลี่ยในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในอินโดนีเซีย ที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 125 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชุมชนของพวก “แฮกเกอร์” ในแดนอิเหนาเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

ด้าน ติฟาตุล เซมบิริง รัฐมนตรีกระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศของอินโดนีเซียออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลจาการ์ตาตระหนักดีถึงภัยคุกคามจากพวกแฮ็คเกอร์ภายในประเทศที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และกำลังเร่งหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้น