เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมขยายมาตรการควบคุมจำนวนแรงงานต่างชาติ ไปสู่การควบคุมจำนวนแรงงานที่มีทักษะและแรงงานในระดับ “ผู้เชี่ยวชาญ” จากเดิมที่มีการคุมเข้มเฉพาะแรงงานระดับล่าง ถือเป็นความพยายามล่าสุดของรัฐบาลสิงคโปร์ในการลดทอนความไม่พอใจของประชาชนของตัวเองที่มองว่าถูกชาวต่างชาติ “แย่งงานทำ”
ตัน ฉวน-จิ้น รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ของสิงคโปร์ เปิดเผยในวันจันทร์ (23) ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง โดยระบุว่าทางกระทรวงฯ เตรียมจัดตั้งธนาคารตำแหน่งงาน หรือ “job bank” ขึ้นในเร็วๆ นี้
โดยหลังการตั้งธนาคารฯดังกล่าว จะมีการออกกฎหมายเพื่อ “บังคับ” ให้บรรดาบริษัทห้างร้านต่างๆ ในสิงคโปร์ ที่มีความประสงค์จะรับสมัครพนักงานใหม่ จะต้องทำการประกาศรับสมัครตำแหน่งงานต่างๆ ของตนผ่านทางจ็อบแบงก์เสียก่อน
และทางบริษัทฯ จะต้องพิจารณาจ้าง “แรงงานชาวสิงคโปร์” ก่อนเป็นลำดับแรก เว้นเสียแต่ว่า ไม่สามารถหาแรงงานชาวสิงคโปร์ที่มีคุณสมบัติตามที่บริษัทต้องการ ทางบริษัทจึงสามารถหันไปพิจารณาผู้สมัครที่เป็นชาวต่างชาติได้ในภายหลัง
“ทางกระทรวงฯ เข้าใจดีถึงความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของชาวสิงคโปร์ และเราคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องบังคับให้บริษัทห้างร้านต่างๆ หันมาพิจารณาจ้างแรงงานชาวสิงคโปร์ก่อนเป็นลำดับแรก” รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ของสิงคโปร์กล่าว พร้อมย้ำว่าในความเป็นจริงแล้ว แรงงานชาวสิงคโปร์มีขีดความสามารถและทักษะในด้านต่างๆ ที่ไม่ป็นรองแรงงานชาวต่างชาติแม้แต่น้อย
ท่าทีล่าสุดของทางกระทรวงทรัพยากรมนุษย์สิงคโปร์ เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามที่ดำเนินต่อเนื่องมานานกว่า 4 ปีของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง ที่ต้องการลดการพึ่งพาแรงงานต่างชาติ หลังจากที่อัตราการว่างงานในหมู่ชาวสิงคโปร์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับ 3 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรก ซึ่งหมายความว่าชาวสิงคโปร์กว่า 60,000 คนต้องกลายสภาพเป็น “ผู้ว่างงาน” สวนทางกับอัตราการว่าจ้างแรงงานจากต่างประเทศที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่านโยบาย “จ้างชาวสิงคโปร์ก่อน” ดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างเลวร้ายต่อภาพลักษณ์ของสิงคโปร์ที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในดินแดนที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดของชาวต่างชาติ และอาจมีผลกระทบต่อการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
แม้การผลักดันนโยบาย “จ้างชาวสิงคโปร์ก่อน” อาจมีผลต่อความเชื่อมั่นของต่างชาติ แต่แหล่งข่าวในรัฐบาลสิงคโปร์ย้ำว่าจำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการดังกล่าวเนื่องจากจำนวนประชากรที่เป็นชาวสิงคโปร์ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่กลางปี 2004 เป็นกว่า 5.3 ล้านคนแล้วตามนโยบาย “ส่งเสริมการมีบุตร” ของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และคาดว่าจำนวนประชากรชาวสิงคโปร์อาจเพิ่มจำนวนเป็น 6.9 ล้านคนภายในปี 2030