ภาคใต้ฟิลิปปินส์ “อ่วมอีก” เผชิญคลื่นกบฏมุสลิมลูกใหม่

เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – กลุ่มกบฏมุสลิมปะทะกับทหาร และจับชาวบ้านเป็นตัวประกันวันนี้ (23 ก.ย.) ในเหตุรุนแรงซึ่งปะทุขึ้นใหม่อีกแห่ง ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ โดยที่การต่อสู้ระหว่างกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยกับกองกำลังรัฐบาลในเมืองซัมบวงกาที่ยืดเยื้อมา 3 สัปดาห์ ยังไม่ยุติ ทางการฟิลิปปินส์ระบุ

การสู้รบบริเวณตอนกลางของเกาะมินดาเนาในวันนี้ (23) สมาชิกกลุ่มนักรบเพื่ออิสรภาพอิสลามบังซาโมโร (บีไอเอฟเอฟ) ได้โจมตีอาสาสมัครสนับสนุนรัฐบาลฟิลิปปินส์ในเมืองมิดซายัปช่วงก่อนรุ่งสาง แต่ก็ต้องล่าถอยกลับไปเมื่อกำลังเสริมของกองทัพมาถึงจุดเกิดเหตุ พันเอกดิกสัน เอร์โมโซ โฆษกของทหารในพื้นที่กล่าว

พันเอกผู้นี้ระบุว่า มีทหารนายหนึ่งเสียชีวิต นอกจากนั้นชาวบ้านก็รายงานว่า เห็นกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้นำศพของเพื่อน 4 รายกลับไปด้วย

ตอนนั้น กลุ่มกบฏจับตัวครู 15 คน รวมทั้งเกษตรกรจำนวนหนึ่งเป็นโล่มนุษย์เพื่อไม่ให้ทหารไล่ติดตาม แม้ว่าพวกเขาจะปล่อยตัวประกันบางส่วนในเวลาต่อมา เอร์โมโซกล่าว

เขาระบุเพิ่มเติมว่า ยังมีตัวประกันถูกกลุ่มกบฏจับตัวไว้ 3 คน และได้ส่งครูสอนศาสนาอิสลามคนหนึ่งเข้าไปเจรจาเพื่อขอให้ปล่อยตัวประกัน

ทั้งเอร์โมโซ และอาบู มิสรี มามา โฆษกของกลุ่มบีไอเอฟเอฟต่างยืนยันว่า การต่อสู้กันเมื่อล่าสุดนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการสู้รบกับกลุ่มกบฏมุสลิมอีกกลุ่ม ในเมืองซัมบวงกา ซึ่งอยู่ห่างจากมิดซายัปไป 273 กิโลเมตร

“การสู้กันครั้งนี้ไม่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ที่ซัมบวงกา เป็นประเด็นที่ต่างกัน ศัตรูของเราคือกองทัพ เราต้องการให้พวกเขาออกไป” มามากล่าวกับสถานีวิทยุดีเอ็กซ์เอ็มเอส

สำหรับที่เมืองซัมบวงกา กองทัพใช้เฮลิคอปเตอร์จู่โจม เอ็มจี-520 ยิงจรวด และปืนกลใส่สมาชิกกลุ่มแนวร่วมปลดแอกแห่งชาติโมโร (เอ็มเอ็นแอลเอฟ) ที่ยังหลบซ่อนอยู่ในเมือง

นอกจากนี้ ทหารภาคพื้นดินก็ใช้ปืนกลกราดยิงในพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่ควันจากเพลิงที่ลุกไหม้บ้านเรือนในบริเวณนั้น ได้บดบังที่มั่นของกลุ่มกบฏเอ็มเอ็นแอลเอฟ

ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน สมาชิกเอ็มเอ็นแอลเอฟราว 200 คนบุกเข้าเมืองซัมบวงกา ศูนย์กลางการค้าสำคัญทางภาคใต้ ที่มีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 1 ล้านคน นับเป็นการที่กลุ่มติดอาวุธท้าทายรัฐบาลฟิลิปปินส์ครั้งเลวร้ายที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ผู้กำกับการแอเรียล อูเอสกา โฆษกของตำรวจในพื้นที่ระบุว่า แม้จะมีกบฏเสียชีวิตแล้ว 102 ราย และอีกหลายร้อยคนที่ยอมมอบตัวหรือถูกจับกุม แต่ก็ยังมีนักรบติดอาวุธของกลุ่มเอ็มเอ็นแอลเอฟเกือบ 50 คนก็ที่ยังไม่ยอมแพ้ และจับกุมชาวบ้านเป็นตัวประกัน 20 คน

เหตุปะทะที่ยืดเยื้อยาวนานครั้งนี้ ได้ทำให้มีทหารและตำรวจ 15 คนเสียชีวิต และบ้านเรือนหลายร้อยหลังถูกเผา

“กองกำลังความมั่นคงต้องเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ เพราะมีกลุ่มกบฏคอยดักซุ่มยิงอยู่” อูเอสกา ระบุ อีกทั้งเสริมว่า เขายังบอกไม่ได้ว่าวิกฤตนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด

ทั้งนูร์ มิซูอารี ผู้นำของกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนเอ็มเอ็นแอลเอฟ และกลุ่มบีไอเอฟเอฟต่างต่อต้านการที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ทำการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มแนวร่วมปลดแอกอิสลามโมโร (เอ็มไอแอลเอฟ) ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏมุสลิมใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ โดยมีกำลังพลทั้งสิ้น 12,000 คน

มิซูอารีเกรงว่า ข้อตกลงจัดตั้งเขตปกครองตนเอง ที่รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังเจรจากับกลุ่มเอ็มไอแอลเอฟ โดยมีทีท่าว่าอาจจะตกลงกันได้เร็วๆ นี้ จะกีดกันกลุ่มเอ็มเอ็นแอลเอฟของเขาออกไปนอกวง ขณะที่กลุ่มบีไอเอฟเอฟนั้นได้แยกตัวออกมาจากกลุ่มเอ็มไอแอลเอฟเพราะไม่ต้องการแค่การปกครองตนเอง แต่ยังเรียกร้องให้แยกดินแดนของชาวมุสลิมทางภาคใต้ออกเป็นประเทศเอกราชด้วย