เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดี เบนีโญ อากีโน แห่งฟิลิปปินส์ วันนี้ (13 ก.ย.) เดินทางไปเยือนซัมบวงกา เมืองท่าในภาคใต้ซึ่งกลุ่มกบฏมุสลิมแทรกซึมอยู่ โดยให้คำมั่นว่าจะดำเนินการปราบปรามบรรดานักรบติดอาวุธที่ทรยศชาติเหล่านี้อย่างรุนแรง หากพวกเขาทำร้ายตัวประกันหรือก่อความเสียหายเลวร้าย
อากีโนบินไปซัมบวงกา เมืองที่กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังปะทะกับกลุ่มนักสู้แนวร่วมปลดแอกแห่งชาติโมโร (เอ็มเอ็นแอลเอฟ) ราว 180 คน เขากล่าวถึงคนเหล่านี้ว่ากำลังใช้ความพยายาม “อย่างสิ้นหวัง” เพื่อขัดขวางการเจรจาสันติภาพ ซึ่งมุ่งยุติการก่อกบฏของชาวมุสลิมที่ยืดเยื้อยาวนานนับทศวรรษ
“เราจะไม่ขีดเส้นตาย แต่เรามีเป้าหมายที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ หากพวกเขาทำร้ายตัวประกัน ใช้วิธีการวางเพลิง และข้ามเส้นที่ไม่ควรจะข้าม กองกำลังความมั่นคงของพวกเรารับคำสั่งมาแล้วว่าต้องทำเช่นไร” เขากล่าวกับนักข่าว
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย และบาดเจ็บอีก 52 รายในเวลาช่วง 5 วันของเหตุปะทะกัน ขณะที่มีนักรบมุสลิมติดอาวุธเข้ามอบตัวหรือถูกจับกุมรวมทั้งสิ้น 19 คน พันโทรามอน ซากาลา โฆษกกองทัพฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี
มีประชาชนไม่ต่ำกว่า 15,000 คนที่ต้องละทิ้งบ้านเรือนของตนเองเพื่อหนีจากการสู้รบ ซึ่งปะทุขึ้นใน 6 ย่านของเมืองที่มีประชากรอาศัยกันอยู่หนาแน่นเกือบหนึ่งล้านคนแห่งนี้ พวกเจ้าหน้าที่ระบุ
พวกเขาบอกว่า มีชาวเมืองซัมบวงกาเกือบ 200 คนถูกจับเป็นตัวประกัน และถูกใช้เป็นโล่มนุษย์ของกลุ่มกบฏ ที่จุดไฟเผาพื้นที่บางส่วนในเขตริมชายหาดทั้ง 6 แห่ง
ซากาลา ชี้แจงว่า กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เคลื่อนกำลังเข้าสู่พื้นที่เหล่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายร้ายแรงมากขึ้น
ในย่านซานตาบาร์บารา วันนี้ (13) กองกำลังความมั่นคงเดินทางไปที่โรงเรียนและมัสยิดแห่งหนึ่ง ซึ่งกลุ่มกบฏบุกทำลาย โฆษกของกองทัพฟิลิปปินส์ผู้นี้กล่าว
ทหารได้พบร่างผู้เสียชีวิต 2 ศพซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็นสมาชิกของกลุ่มกบฏ ช่างภาพคนหนึ่งของสำนักข่าวเอเอฟพีระบุ
พื้นที่บางส่วนของย่านซานตาคาตาลี อันเป็นสมรภูมิอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน เกิดเพลิงไหม้ ภายหลังจากที่มีการปะทะกันอย่างประปรายครั้งใหม่ๆ ขึ้นมา สถานีโทรทัศน์เอบีเอส-ซีบีเอ็นรายงานจากที่เกิดเหตุ
สารวัตรใหญ่ แอเรียล ฮูเอสกา โฆษกตำรวจกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า พื้นที่ซึ่งถูกกลุ่มกบฏยึดครอง “กำลังหดเล็กลงเรื่อยๆ” และกล่าวเสริมว่า “ทหารกำลังเคลื่อนพลเข้าไปใกล้กลุ่มเอ็มเอ็นแอลเอฟเพื่อจำกัดขอบเขตการเคลื่อนไหวของกลุ่มเอ็มเอ็นแอลเอฟ”
พลจัตวาโดมิงโก ตูตาน โฆษกอีกคนหนึ่งของกองทัพฟิลิปปินส์บอกสำนักข่าวเอเฟพีว่า “เราเล็งเห็นว่าเรื่องนี้ จะจบลงอย่างสันติ โดยกลุ่มกบฏจะต้องยอมวางอาวุธและปล่อยตัวประชาชนในที่สุด”
ขณะที่อากีโนแถลงว่า กองกำลังทหารตำรวจได้รับคำสั่งให้เตรียมรับมือกับ “การโจมตีเพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจ การโจมตีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และการโจมตีแบบฉวยโอกาส” โดยกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ซึ่งอยู่ในพื้นที่แถบนี้
“ถ้าพวกเขาพยายามเปลี่ยนเป้าโจมตีไปที่อื่นผมมั่นใจว่า กองกำลังของเราพร้อมที่จะต่อสู้ซึ่งหน้า และป้องกันไม่ให้มีการกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนมากกว่านี้”
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (12) มีนักรบติดอาวุธมุสลิมบุกโจมตีที่มั่นของฝ่ายทหารบนเกาะบาสิลันซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับเมืองซัมบวงกา ทำให้มีสมาชิกกองรักษาดินแดนฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลเสียชีวิตหนึ่งคน และสมาชิกกองกำลังของรัฐบาล 4 คน รวมทั้งพลเรือนหนึ่งคนบาดเจ็บ
ฝ่ายทหารแจ้งว่ามีทหารอีก 6 คนได้รับบาดเจ็บในวันนี้ (13) ขณะกองกำลังของรัฐบาลฟิลิปปินส์ขับไล่การโจมตีครั้งใหม่ของนักรบติดอาวุธจำนวนราว 100 คน
วิกฤตคราวนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเหล่าผู้ติดตามซึ่งติดอาวุธของ นูร์ มิซูอารี ผู้ก่อตั้งกลุ่มกบฏเอ็มเอ็นแอลเอฟ พยายามบุกเข้าศาลาว่าการเมืองซัมบวงกาในช่วงก่อนรุ่งสางของวันจันทร์ (9)
ตั้งแต่นั้นมา กบฏกลุ่มนี้ซึ่งแฝงตัวอยู่ในย่านชุมชนมุสลิมขนาดใหญ่บางแห่งก็ได้เผาบ้านเรือนประชาชน และกราดยิงกลุ่มทหารที่พยายามบุกเข้าไปใกล้ๆ
เมื่อช่วงดึกวานนี้ (12) เทศบาลเมืองซัมบวงกาได้ออกเทศบัญญัติฉบับหนึ่ง สั่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ 6 ย่านที่มีการสู้รบกัน เชรา โกวารูเบียส โฆษกหญิงของเทศบาลเมืองซัมบวงกา กล่าวกับนักข่าว
ในเวลาต่อมา ขบวนรถบรรทุก รถจี๊ป และรถสามล้อเครื่องก็ได้อพยพประชาชนหลายพันคนที่อยู่อาศัยในบริเวณที่เกิดการปะทะ ออกจากพื้นที่ไป
ทางด้าน ตำรวจได้เข้าตรวจสอบเอกสารประจำตัวประชาชนผู้อพยพเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีพวกกบฏเล็ดรอดออกมา