วอยซ์ออฟอเมริกา - เจ้าหน้าที่คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันพฤหัสบดี (19) เข้าพบครอบครัวของหญิงไทยคนหนึ่งที่หายตัวไป และมีการกล่าวอ้างว่าถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวที่มาเก๊าในปี 1978 ซึ่งแม้เวลาได้ล่วงเลยมานานแล้ว แต่ญาติๆ ก็หวังว่าท้ายที่สุดเธอจะได้กลับบ้าน
วอยซ์ออฟอเมริกา สื่อทางการของรัฐบาลสหรัฐฯรายงานว่า หลายสิบปีหลังจาก อโนชา ปันจ้อย ได้หายตัวไปตั้งแต่ปี 1978 คดีของเธอกลับได้รับความสนใจเพียงเล็กน้อย ไม่เว้นกระทั่งในไทย ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของเธอเอง อย่างไรก็ตามทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปในปี 2005 หลังจาก ชาล์ลส์ โรเบิร์ต เจนกินส์ นายทหารสหรัฐฯซึ่งเคยแปรพักตร์ใช้ชีวิตอยู่ในกาหลีเหนือนานหลายทศวรรษ หลังจากละทิ้งหน้าที่ประจำการที่เขตปลอดทหารในปี 1965 เขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง
หลังเดินทางออกมาจากเกาหลีเหนือแล้ว นายชาล์ลส์ โรเบิร์ต เจนกินส์ อ้างว่าเขารู้จักผู้หญิงไทยคนนี้เป็นอย่างดี และเธอเคยแต่งงานกับชาวต่างชาติในเกาหลีเหนือ 2 ครั้ง พร้อมระบุว่า อโนชา ถูกลักพาตัวระหว่างประกอบอาชีพหมอนวดที่มาเก๊า เพื่อให้มาแต่งงานกับคนต่างชาติในเกาหลีเหนือ และมีหน้าที่คอยสอนภาษาไทยให้สายลับของประเทศ
นายสุคำ ปันจ้อย น้องชาย และนายบรรจง ปันจ้อย หลานของอโนชา ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือของสหประชาชาติในวันพฤหัสบดี (19) และทั้งสองระบุว่าการหารือครั้งนี้ทำให้พวกเขามีกำลังใจมากขึ้น เพราะว่าทางเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมาธิการบอกว่ามีหลักฐานชัดเจนว่า อโนชา ถูกลักพาตัวไปและคดีของเธอจะเป็นส่วนหนึ่งในรายงานที่เตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในเดือนมีนาคมปีหน้า และหวังว่าท้ายที่สุดจะได้ อโนชา กลับสู่อ้อมอกของครอบครัวอีกครั้ง
ทั้งนี้ นายสุคำ บอกว่าองค์กรนานาชาติ อย่างเช่นสหประชาชาติและกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ของญี่ปุ่นที่ใส่ใจในประเด็นสิทธิมนุษยชน ช่วยเหลือครอบครัวของพวกเขาอย่างมาก และทำให้พวกเขามีหวังว่าจะได้พบหน้า อโนชา อีกไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ญาติของอโนชา เคยทำหนังสือถึงผู้นำเปียงยาง ร้องขอให้ปล่อยตัวหญิงสาวรายนี้ ซึ่งหากมีชีวิตอยู่ ปัจจุบันก็จะมีอายุ 59 ปี ขณะเดียวกันนับตั้งแต่ปี 2005 กระทรวงการต่างประเทศของไทยก็ร้องขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับอโนชาจากผู้แทนทูตเกาหลีเหนือซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างการเจรจาทวิภาคีระดับสูง อย่างไรก็ตามเปียงยางก็ยืนกรานว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เคยอยู่ในประเทศของพวกเขา
ด้าน นายบรรจง ผู้เป็นหลาน บอกว่ารู้สึกไม่พอใจต่อแนวทางจัดการกับคดีนี้ของเจ้าหน้าที่ไทย โดยเขาบอกว่ารัฐบาลไทยให้ความสนใจต่อปัญหาครอบครัวของเขาเล็กน้อยมาก และดูเหมือนจะไม่เชื่อว่า อโนชา ถูกลักพาตัวไปเกาหลีเหนือจริงๆ
ในเรื่องนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับวอยซ์ออฟอเมริกา ว่าดำเนินการกับกรณีการหายตัวไปจากมาเก๊าเมื่อปี 1978 ของอโนชา แบบเดียวกับบุคคลสูญหายทั่วๆ ไป เพราะไม่มีหลักฐานพยานอื่นๆ มาสนับสนุน นอกจากหนังสือของนายเจนกินส์ และภาพถ่ายของผู้หญิงชาวเอเชียที่นั่งอยู่ข้างหลังนายเจนกินส์ ภรรยาและลูกๆ บนชายหาดแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามทางครอบครัวและเพื่อนๆ มั่นใจว่าผู้หญิงที่อยู่ในรูปถ่ายที่ถ่ายเอาไว้เมื่อปี 1984 คืออโนชา
