เอเอฟพี - ออสเตรเลียเพิกถอนการอนุญาตให้เกาหลีเหนือเปิดสถานทูตในกรุงแคนเบอร์รา วันนี้(7) เพื่อตอบโต้การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็เตรียมลงดาบคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออีกชุดใหญ่ตามร่างมติที่สหรัฐฯ และจีนเสนอมา
เปียงยางแถลงเมื่อเดือนมกราคมว่า กำลังติดต่อกับรัฐบาลออสเตรเลียเพื่อขอเปิดสถานทูตในกรุงแคนเบอร์ราอีกครั้งหนึ่ง หลังจากปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2008 เนื่องจากปัญหาด้านการเงิน ซึ่งขณะนั้นรัฐมนตรีต่างประเทศ บ็อบ คาร์ แห่งเมืองจิงโจ้ก็ยังแถลงชื่นชม และสนับสนุนคำร้องขอของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ดี การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของรัฐโสมแดงเมื่อราว 1 เดือนก่อนถือเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้รัฐบาลออสเตรเลียตัดสินใจไม่ต้อนรับชาวเกาหลีเหนือเข้าประเทศ
“คำร้องขอเปิดสถานทูตเกาหลีเหนือยังไม่มีความคืบหน้าในขณะนี้... ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะตอบโต้การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของพวกเขา” สำนักงานของคาร์แถลง
เมื่อครั้งที่เกาหลีเหนือยื่นไมตรีขอเปิดสถานทูตนั้น คาร์เคยกล่าวว่า สถานทูตจะเป็นช่องทางให้ออสเตรเลียได้แสดงออกถึงความกังวลอย่างยิ่งยวดเกี่ยวกับปัญหา “การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง” ในเกาหลีเหนือ ซึ่งในวันนี้โฆษกประจำตัวคาร์ก็ยืนยันว่า หลักเหตุผลดังกล่าวยังคงใช้ได้อยู่
“แนวคิดที่จะให้เกาหลีเหนือเปิดสถานทูตในออสเตรเลียก็มีข้อดีอยู่บ้าง... ที่สำคัญที่สุดก็คือ จะช่วยให้เราสามารถสื่อสารกับพวกเขาโดยตรงในเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชน”
“แต่โครงการนี้คงต้องระงับไว้ก่อน จนกว่าเราจะได้ข้อสรุปในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับวิธีที่จะตอบโต้กิจกรรมนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ”
ภายในสัปดาห์นี้ คาดว่าคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นจะประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม โดยมุ่งสกัดกั้นกิจกรรมผิดกฎหมายของนักการทูตโสมแดง, เครือข่ายธนาคาร และการลักลอบขนเงินสด เป็นต้น
ออสเตรเลียและเกาหลีเหนือเริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 1974 และเปียงยางก็ได้เปิดสถานทูตในกรุงแคนเบอร์ราในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ส่วนสถานทูตออสเตรเลีย ณ กรุงเปียงยาง เปิดทำการในปี 1975
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศขับเจ้าหน้าที่ทูตออสเตรเลียออกจากประเทศเพียง 6 เดือนให้หลัง โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น และต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าทั้ง 2 ชาติจะกลับมาสานสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้งในปี 2000
