งดสักปี! “แม่บ้านเกาหลี” ผวารังสีฟูกูชิมะ-ไม่กล้าทำ “แพนเค้กปลา” ในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า

รอยเตอร์ – ลี กุย-จา แม่บ้านชาวเกาหลีใต้ ยอมรับว่าปีนี้เธอจะไม่ทำ “แพนเค้กปลา” ให้ครอบครัวรับประทานในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า (ชูซ็อก) เพราะเกรงว่าปลาทะเลจะปนเปื้อนรังสีจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะไดอิจิของญี่ปุ่น ขณะที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าเมืองโสมยอมรับว่ากระแสตื่นกลัวรังสีทำให้ยอดขายปลาแช่แข็งตกฮวบในปีนี้

เกาหลีใต้ยังคงห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากภูมิภาคใกล้เคียงโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะไดอิจิ แม้โตเกียวจะยืนยันต่อนานาชาติว่าสถานการณ์รังสีรั่วไหลที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ “ควบคุมได้แล้ว” ก็ตาม

ปลาพอลล็อกแช่แข็งที่วางจำหน่ายในเกาหลีใต้ส่วนใหญ่มาจากน่านน้ำรัสเซีย แต่กระแสหวาดกลัวรังสีในหมู่แม่บ้านเกาหลีใต้ก็ทำให้ยอดขายปลาโดยรวมลดลงอย่างมากในช่วงก่อนถึงเทศกาล “ชูซ็อก” สัปดาห์นี้

เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นพยายามโน้มน้าวให้โซลยกเลิกคำสั่งแบนปลาทะเล แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

“ฉันดูข่าวรังสีที่ญี่ปุ่น และคิดว่าปีนี้จะไม่ทำแพนเค้กปลาพอลล็อก ถึงแม้เราจะเคยทำมาทุกปีก็ตาม” ลีให้สัมภาษณ์ขณะเดินเลือกซื้ออาหารทะเลที่ตลาดปลาในกรุงโซล

“บางทีฉันอาจจะทำแพนเค้กถั่วเขียว หรือแพนเค้กเนื้อแทน”

แพนเค้กเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ชาวเกาหลีใช้เซ่นไหว้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ และทุกคนในครอบครัวก็จะแบ่งกันรับประทานเมื่อเสร็จพิธี

พัค ซุน-ยัง แม่ค้าขายปลาพอลล็อกแช่แข็ง โอดครวญว่า “ยอดขายปีนี้ลดลงประมาณ 60% และปลาก็ยังค้างอยู่ในสต็อกอีกเยอะ... เราพยายามบอกลูกค้าว่านี่ไม่ใช่ปลาจากญี่ปุ่น แต่พวกเขาไม่เชื่อ”

“ยอดขายของเราไม่เคยตกต่ำเช่นนี้มาก่อน” พัค ให้สัมภาษณ์ขณะแล่เนื้อปลาพอลล็อกซึ่งดูจะไม่มีลูกค้ารายไหนต้องการ พร้อมเล่าว่าเธอเข้ามาดูแลร้านขายปลาของพ่อแม่ ซึ่งเปิดมากว่า 20 ปีแล้ว

ด้านบริษัท ฮันซุงเอนเตอร์ไพรส์ ซึ่งจำหน่ายอาหารทะเลก็ยอมรับว่า ยอดขายปลาพอลล็อกแช่แข็งลดลงถึง 42.5% ระหว่างเดือนมกราคม-สิงหาคม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

คิม ฮอน-แต เจ้าหน้าที่สมาคมประมงต่างชาติเกาหลีซึ่งให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ ยืนยันว่าปลาพอลล็อกแช่แข็งนำเข้าร้อยละ 98 มาจากทะเลรัสเซีย

แม้นักวิทยาศาสตร์หลายคนจะออกมาเตือนให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับปัญหารังสีรั่วไหลจนเกิดเหตุ แต่ก็แทบไม่เป็นผล

“ปลาพอลล็อกที่วางขายในเกาหลีใต้ไม่ได้มาจากทะเลญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย” คุน ซู อาจารย์ด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติกรุงโซลระบุ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากจะแก้ไข เพราะ “สังคมเกิดความรู้สึกหวาดกลัวไปแล้ว”